เหยื่อเสพยาเคนมผง ดับเพิ่มอีก1ราย ตร.สั่งขยายผล'11เคส'

เหยื่อเสพยาเคนมผง ดับเพิ่มอีก1ราย ตร.สั่งขยายผล'11เคส'

ตร.เผย เหยื่อเสพยาเคนมผง ดับเพิ่มอีก1 สั่งขยายผลเหยื่อ11ราย-ล่าตัวเอเย่นคาดได้ตัวเร็วๆนี้

 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีมีผู้เสพยาเกินขนาดและเสียชีวิตจากการเสพเคนมผง ว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วรวม 7 ราย อยู่ในพื้นที่สน.วัดพระยาไกร 6 ราย สน.สุทธิสาร 1 ราย อีก 1 รายยังรักษาอาการอยู่ในโรงพยาบาล  ส่วนผลการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดยังไม่ออกเป็นทางการ แต่เชื่อว่ายาเสพติดมีส่วนผสมหลักคือ เคตามีน ทั้งนี้ในแต่ละรายจะมีส่วนผสมอื่นอีกหรือไม่ก็แล้วแต่เป็นรายๆ ไป โดยหลักจะมีสารเสพติดที่ทีฤทธิ์ทำให้นอนหลับ เช่น ไดอาซีแพม หรือจะมียาเสพติดประเภทอื่นอาจเป็นยาไอซ์ ฯลฯ อย่างไรก็ตามต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งผลการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นบอกว่าระบบหัวใจล้มเหลวและระบบการหายใจล้มเหลว ส่วนอย่างอื่นต้องรอผลการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้งจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลรามาธิบดี ส่วนสาเหตุที่นำมาผสมกันมีสาเหตุ 2 ประการ คือ 1.ทำให้มีฤทธิ์รุนแรงขึ้น 2.เพื่อเป็นการลดต้นทุนให้ได้กำไรมากขึ้น

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่ายาเสพติดมีการจำหน่ายในพื้นที่ของสน.วัดพระยาไกร และบริเวณใกล้เคียง ส่วนต้นตอจะนำมาจากไหนยังไม่ทราบ ทราบเพียงว่ามีการจำหน่ายและมีความคืบหน้าของบุคคลที่นำยาเสพติดมาจำหน่ายให้กับผู้เสียชีวิต เร็วๆ นี้น่าจะจับกุมตัวได้ ส่วนการตรวจค้นเพิ่มเติมนั้นก็เจอหลักฐานในคดีเพิ่มเติม และพบพยานหลักฐานทำให้พิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่มาจำหน่ายยาเสพติด แต่จะเป็นรายย่อยหรือรายใหญ่ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ซึ่งได้ทำการตรวจค้นโรงสีย่านพระราม 3เพิ่ม ซึ่งมีประโยชน์ต่อรูปคดี

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ส่วนเมื่อวานนี้มีการจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่บช.น. 3 คดี ประกอบด้วยในพื้นที่สน.สายไหม 2 คดี สน.จรเข้น้อย 1 คดี ทั้ง 3 คดีผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจำหน่ายยาเสพติด โดยเป็นผู้จำหน่ายรายย่อย ส่วนผสมเชื่อว่ามีส่วนผสมหลักเป็นเคตามีน ทั้ง 3 รายให้การว่ารับมาจากจังหวัดปทุมธานี อยู่ระหว่างขยายผล พร้อมยืนยันว่ามีความคืบหน้าทางคดีจะต้องได้ตัวผู้จำหน่าย เพื่อนำมาขยายผลต่อ

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า การสอบพยานให้การแตกต่างกัน มีผู้จำหน่ายหลายคน ซึ่งตำรวจต้องพิสูจน์ทราบ เพราะบางครั้งทราบเพียงชื่อเล่น อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ ในวันนี้ พรุ่งนี้คงจับได้บางส่วน พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้หน่วยงานตำรวจป้องกันปราบปราบจับกุมยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ผู้จำหน่ายยาเสพติดหาวิธีที่จะจำหน่ายยาเสพติดที่มีการออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น แต่ต้นทุนถูกลงในการจำหน่าย

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ได้ส่งทุกตัวอย่างไปตรวจยาเสพติดในทุกคดีว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ เพราะยาเสพติดในคราวนี้เสพแล้วเสียชีวิตเป็นอันตราย อย่างไรก็ตามยาเสพติดมีมานานแล้ว ขึ้นอยู่ช่วงเวลาไหน หาง่าย ก็จะแพร่หลาย หรือมีราคาถูกก็ทำให้แพร่หลาย รวมถึงส่วนผสมที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทรุนแรง หรือผู้เสพชอบก็จะเป็นที่นิยม ซึ่งเคตามีนมีมานานแล้วเดิมเป็นน้ำ ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการแพทย์ เป็นวัตถุควบคุมสำหรับใช้ในการแพทย์ช่วยให้สลบ ส่วนเคนมผงมีการพูดกันมาช่วง 2 เดือนหลังในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 63 โดยพบว่าการเปลี่ยนจากน้ำมาทำให้เป็นผง เพื่อง่ายต่อการเสพ มีฤทธิ์รุนแรงรวดเร็วขึ้น

ส่วนกรณีที่ญาติผู้เสียชีวิตตั้งข้อสงสัยว่าอาจถูกมอมยา และล่วงละเมิดทางเพศ ทางพล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ต้องรอผลตรวจพิสูจน์ยืนยันจากทางแพทย์ก่อน เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปได้

ด้าน พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร. กล่าวว่า คดี “เคนมผง” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ความสำคัญมากสั่งการให้ บช.ปส. ตำรวจนครบาล และตำรวจภูธร 1-9 หาข่าวข้อมูลยาเสพติดชนิดนี้โดยเฉพาะและจับกุมโดยรายงานผลจับกุมทุกวันจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ผบ.ตร.ถือว่าเป็นเรื่องใหม่และการระบาดยาเสพติดจะต้องหมดไป ที่สำคัญจะต้องหาแหล่งต้นตอของแหล่งยาเสพติดที่มาจำหน่ายให้ได้

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้สั่งการให้ทางศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บช.น. ตรวจสอบกรณีมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมจากการเสพยาเสพติดที่มีส่วนผสมของยาเคเป็นหลักแต่มีตัวยาชนิดอื่นเพิ่มเติม จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการเสียชีวิตเสพยาดังกล่าวมีทั้งหมด 11 ราย พักรักษาตัวอยู่ที่รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ แยกเป็นเข้าพักการรักษาตัว 3 ราย มาห้องฉุกเฉินไม่เข้าพักการรักษาตัว 6 ราย มาโรงพยาบาลให้หมอตรวจแล้วกลับบ้าน 2 ราย