เปิดรพ.สนามธรรมศาสตร์ รับผู้ป่วยโควิด-19

เปิดรพ.สนามธรรมศาสตร์ รับผู้ป่วยโควิด-19

หลังจากผ่านไป 8 เดือน โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้เปิดโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์อีกครั้ง เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19  ที่มีอาการไม่รุนแรง (Mild case) จากโรงพยาบาลต่างๆ ใน จ.ปทุมธานี และเขตสุขภาพที่ 4 

ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และแพร่กระจายอย่างรุนแรงใน 50 กว่าจังหวัดทั่วประเทศ

โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ขนาด 308 เตียง รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ในเขตจ.ปทุมธานี และเขตสุขภาพที่ 4 ครอบคลุม 8 จังหวัด ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี นครนายก ลพบุรี และสระบุรีพร้อมกันนี้ยังทําหน้าที่รับส่งต่อผู้ป่วยจาก โรงพยาบาลในเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย ( UHOSNET) ซึ่งในพื้นที่ กทม. ประกอบด้วย โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล

161037755482

สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.) กล่าวภายหลังการเยี่ยมชม และเปิดการให้บริการอีกครั้งของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ว่า โรงพยาบาลได้มีการเตรียมพร้อมรองรับผู้ป่วยเป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลสนามของไทยที่มีประสิทธิภาพ และได้รับมาตรฐาน เนื่องจากการเปิดให้บริการครั้งแรกได้มีการจัดเตรียมห้องพัก อุปกรณ์ และมีการเรียนรู้ทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งในครั้งนี้โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 300-400 คน และมีความพร้อมด้านบุคลากร รวมถึงล่ามภาษาพม่า หรือภาษาต่างประเทศต่างๆ เพื่อรองรับผู้ป่วยทั้งคนไทยและต่างด้าว จากโรงพยาบาลในจ.ปทุมธานีและเขตสุขภาพที่ดี

โรงพยาบาลสนามแต่ละแห่งจะมีแนวทางในการปฎิบัติไปในทิศทางเดียวกัน มีมาตรฐาน แต่การบริหารจัดการอาจเป็นไปตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งการเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลสนามในแต่ละจังหวัดนั้น มีความจำเป็นหากจังหวัดเหล่านั้นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก แต่ถ้ามีผู้ป่วยจำนวนน้อยก็ต้องดูความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ดังนั้น ในจ.ปทุมธานี มีผู้ติดเชื้อเกือบ 50 คน และยังครอบคลุมในเขตสุขภาพที่ 4 การมีโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์จะช่วยรองรับดูแลผู้ป่วยจนกว่าพวกเขาจะสามารถกลับบ้านได้สาธิต กล่าว

161037758336

สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ มีความพร้อมทั้งสถานที่ บุคลากร อุปกรณ์ทางการแพทย์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงได้จัดเตรียมห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) ที่ควบคุม ความดันลบอากาศแก่ผู้ป่วยอาการหนักมากถึง 24 เตียง และภายในเดือนก..นี้จะสามารถขยายต่อได้ถึง 48 เตียง รวมถึงมีบุคลากรแพทย์มากกว่า 500 คน และพยาบาลวิชาชีพ ผู้ช่วยพยาบาลปฏิบัติงานอยู่ประมาณ 2,000 คน ซึ่งทั้งหมดมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญ สามารถรองรับสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างมั่นใจ

161037694388

ผศ.พญ.กริชา ไม้เรียง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การเตรียมพร้อมในครั้งนี้ มีการดำเนินการที่ครอบคลุมมากกว่าเดิม เพราะจากการเปิดโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ครั้งแรก ได้เรียนรู้เทคโนโลยีและแนวทางการบริหารจัดการทั้งด้านบุคลากรทางการแพทย์ และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ดังนั้น การดูแลรองรับผู้ป่วยโควิด-19 จึงความพร้อมสูงมากและสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา คาดว่าครั้งนี้จะรองรับได้ 422 คน จากเดิมได้ 300 กว่าคน 

เนื่องจากการระบาดในรอบนี้ มีในรูปแบบครอบครัว ซึ่งสามารถอยู่ร่วมกันได้ ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่มาอยู่ยังโรงพยาบาลสนาม จะเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแล้วและมาพักดูอาการที่โรงพยาบาลสนาม 14 วันก่อนจะกลับบ้านได้และหลังจากกลับบ้านไปแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ติดตามประเมินอาการอย่างต่อเนื่อง ใกล้ชิด

161037762438

หากดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 นี้ ต้องยอมรับว่ามีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และรุนแรงมีผู้ติดเชื้อมากกว่าครั้งแรก ดังนั้นโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ได้มีการเตรียมพร้อมทั้งด้านบุคลากร สถานที่พักและล่ามแปลภาษาต่างๆ โดยเฉพาะภาษาพม่า กัมพูชา เป็นต้น เพราะมีแรงงานต่างด้าวติดจำนวนมาก เมื่อมารับการดูแลจะต้องมีล่ามคอยทำหน้าที่อำนวยความสะดวก สื่อสารให้แก่แรงงานและแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อการดูแลรักษาที่เต็มประสิทธิ์และช่วยเหลือผู้ป่วยทุกคนให้หายและกลับบ้านได้ผศ.พญ.กริชา กล่าวว่า

161037760739

โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ แม้จะรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้มากขึ้น มีความพร้อมมากขึ้น แต่ก็ไม่อยากให้มีผู้ป่วยกลุ่มนี้ ผศ.พญ.กริชา กล่าวต่อว่าด้วยระบบทางการแพทย์ การดูแล จะรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้ แต่ก็ไม่อยากให้มีผู้ป่วยมากกว่านี้ อยากขอความร่วมมือจากทุกคนให้ช่วยดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเองจากโควิด-19 โดยปฎิบัติสุขลักษณะอย่าง ล้างมือบ่อยๆ กินช้อนตัวเอง เว้นระยะห่างทางสังคม สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงไปพื้นที่เสี่ยง รวมถึงเมื่อมีอาการควรไปพบแพทย์