ปี 2564 'ทองคำ' ลุ้นทำสถิติใหม่ !

ปี 2564 'ทองคำ' ลุ้นทำสถิติใหม่ !

'2กูรู' วิพากษ์ทิศทาง 'ทองคำ' ปี 2564 มีโอกาสทะลุ New High เดิมอยู่ที่ 30,400 บาท ! ลั่นเป็นสินทรัพย์เดียวเม็ดเงินลงทุนไหลเข้ายังไม่ทำ 'จุดสูงสุด' ปีก่อน '3 ปัจจัย' หนุน 'กระตุ้นเศรษฐกิจ-ดอกเบี้ยต่ำ-ดอลลาร์อ่อน' แต่ระยะสั้นถูก 'กดดัน' จากเงินบาทแข็ง

ทันที ! หลังจาก 'ไฟเซอร์ อิงค์' ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ 'BioNTech' ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงผลการทดลองวัคซีนของโควิด-19 มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกไปทั่วโกลก ปฏิกิริยาแรกส่งผลเกิดการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนในตลาด 'สินทรัพย์ปลอดภัย หรือ Safe Haven' ครั้งใหญ่อีกครา... 

'วัคซีนโควิด-19' ข่าวดีสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่าาง 'ตลาดหุ้น' แต่ข่าวร้ายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง 'ทองคำ' สะท้อนผ่านราคาทองคำทั่วโลก 'ผันผวนหนัก' หลังนักลงทุนเทขายทองคำวันเดียว (12 พ.ย. 2563) ทำราคาทองคำร่วง 110 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ตลาดเมืองไทยราคาทองคำเปิดตลาดร่วง 1,200 บาทต่อบาททองคำ จากเมื่อเดือนก.ค. 2563 ราคาทองคำตลาดโลกทะยานขึ้นไปทำ 'สถิติสูงสุด' (All Time High) เป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่อยู่ที่ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านราคาทองคำในไทยพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30,400 บาทต่อบาททองคำ ! 

161020059073

ข้ามฟากมายัง 'ตลาดหุ้นทั่วโลก' วัคซีนโควิด-19 เป็นเหมือนตัว 'ปลดล็อก' สร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน สอดรับดัชนี SET INDEX ปรับตัวขึ้นทะลุ 1,500 จุด (5 ม.ค.2564) ขณะที่ดัชนี CSI 300 ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ประเทศจีน ซึ่งเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2564 ได้ทำสถิติใหม่ โดยการเพิ่มขึ้นของดัชนีหุ้นจีนครั้งนี้ถือว่า 'สูงสุดในรอบ 13 ปี' ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐ ทะยานทะลุ 31,000 จุดเป็นครั้งแรก 

ปี 2564 ทิศทางราคาทองคำจะเป็นเช่นไร ? นักลงทุนเริ่มเกิดความวิตกว่าราคาทองคำจะไปได้ไกลมากแค่ไหน และหากมีวัคซีนต้านโควิด-19 ส่งผล 'กดดัน' ราคาทองหรือไม่ฟังทัศนะ 'กูรูตลาดทองคำ' 

'ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ' ประธานบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือ เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก เล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ฟังว่า ปี 2564 ทองคำเป็นเทรนด์ 'ขาขึ้น' สะท้อนผ่าน 'ผลตอบแทน' (รีเทิร์น) นับตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบัน (5 ม.ค.ที่ผ่านมา) ปรับตัวขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 3% แม้จะมีวัคซีนโควิด-19 เริ่มทยอยแจกจ่ายกระจายในหลายประเทศแล้ว แต่มองว่าราคาทองที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องนั้น มาจากเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางต่างๆ บวกกับรัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังเพิ่มเติม 

ดังนั้น ตลาดมีเงินในระบบระดับสูงมาก เงินต้องหาแหล่งสร้างผลตอบแทนโดยปัจจุบันเงินไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลกแล้วจำนวนมาก แต่เม็ดเงินยังเข้าตลาดทองคำไม่มาก สะท้อนผ่านราคาทองคำยังไม่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดปี 2563 ขณะที่สภาพคล่องในตลาดที่สูงทำให้คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย ซึ่งนำไปสู่การอ่อนค่าของสกุลเงิน ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เชิงบวกต่อราคาทองคำได้ในระยะยาว 

ดังนั้น มีโอกาสเห็นราคาทองคำทำ 'สถิติสูงสุด' (All Time High) ใหม่อีกครั้งในปีนี้ จากปัจจัยบวกที่นักลงทุนรอนโยบาย 'โจ ไบเดน' ประธานาธิบดีสหรัฐ และมาตรการอัดฉีดเงินเข้ามาอีก ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนทองคำเป็นขาขึ้นในปีนี้ หลังปี 2563 ภาพรวมเศรษฐกิจบอบช้ำมาก จากผลกระทบของโควิด-19 

แต่ในระยะสั้นราคาทองคำเฉลี่ยจะอยู่ที่ 28,000 บาท เนื่องจากปัจจุบันราคาทองคำถูก 'กดดัน' จากเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ผลตอบแทนปีนี้อาจจะไม่เท่าปี 2563 ที่ผลตอบแทนทองคำเฉลี่ยอยู่ที่ 25% ซึ่งในช่วงราคาทองคำปรับตัวสูงสุดผลตอบแทนอยู่ที่ 30% ล่าสุด ประเมินกรอบเงินบาทอยู่ที่ 29.95-30.15 บาทต่อดอลลาร์ โดยวันศุกร์ที่ผ่านมาเงินบาทอยู่ที่ 30.07 บาทต่อดอลลาร์ 

อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องในระบบยังคงเพิ่มสูงขึ้น ภาวะดังกล่าวกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น อันนำไปสู่การอ่อนค่าของสกุลเงิน และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เชิงบวกต่อราคาทองคำได้ในระยะยาว

'แม้ว่าราคาทองปีนี้จะเป็นขาขึ้น แต่ราคาไม่หวือหวาเท่าปีก่อน เพราะธรรมชาติของราคาทองคือชอบความวุ่นวาย ซึ่งปีหน้ามีหลายสัญญาณที่ภาวะเศรษฐกิจโลกจะนิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงผู้นำสหรัฐฯ ที่จะช่วยลดกระแสความขัดแย้งลงไปได้เมื่อเทียบกับผู้นำคนก่อน' 

'พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) บอกว่า ในระยะยาวมองราคาทองคำเป็น 'ขาขึ้น' สะท้อนผ่านช่วงปลายปีที่ผ่านมา 'กองทุน SPDR' ได้กลับเข้ามาซื้อทองคำเข้าพอร์ตอีกครั้ง จึงเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดทองคำต่อไป เทียบกับช่วงต้นเดือนต.ค.-พ.ย.2563 ราคาทองคำปรับตัวลงหนัก เนื่องจากเป็นช่วงที่กองทุน SPDR ได้ทยอยขายทองคำออกมาบางส่วน 

161020067035

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์

ทั้งนี้ มองว่าตั้งแต่ต้นปี 2564 ราคาทองปรับตัวขึ้นมาจาก 2 ปัจจัยคือ ข้อแรก การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังออกมา อย่าง ล่าสุด 'โดนัล ทรัมป์' ประธานาธบดีได้ลงนามอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังรอบใหม่มูลค่า 9 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงมีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลของ 'โจ ไบเดน' ก็น่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 3 เช่นกัน

ข้อสอง มาจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า เนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่แข็งค่าหลังจากที่อังกฤษและสหภาพยุโรปสามารถตกลงมาตรการด้านการค้าลุล่วงจากกรณี BREXIT รวมทั้งการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังของสหรัฐยังส่งผลต่อให้การคาดการณ์เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และทองคำจึงเป็นทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ดี

ทั้งนี้ เมื่อปี 2563 สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 7% ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 25% โดยในปีนี้ นักวิเคราะห์จากต่างประเทศยังได้คาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศได้ลดสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์ และได้หันไปถือครองเงินสกุลอื่นรวมถึงทองคำเพิ่มขึ้น ส่วนระยะยาวนั้นทองคำยังเป็นขาขึ้นอีก 1-2 ปี เพราะอัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับต่ำถึงปี 2566 

สำหรับ ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองในช่วงนี้แม้ทิศทางจะเป็นขาขึ้น แต่อาจจะมีการขายทำกำไรออกมาในบางช่วง โดยนักลงทุนสามารถเข้าทยอยเข้าซื้อสะสมได้ แต่เน้นทำกำไรระยะสั้นเป็นรอบๆ แนะนำจับตาแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,965 ดอลลาร์ต่อออนซ์

หากผ่านได้จะเพิ่มโอกาสที่ราคาจะแตะ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สามารถเข้าซื้อเมื่อย่อตัวที่แนวรับ 1,921 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยกำหนดจุดตัดขาดทุนไว้ในบริเวณ 1,907 ดอลลาร์ต่อออนซ์

161020071097