เปิดจุดแข็ง‘เกียรตินาคินภัทร’ คว้าบิ๊กดีลไอพีโอ-เอ็มแอนด์เอ

 เปิดจุดแข็ง‘เกียรตินาคินภัทร’  คว้าบิ๊กดีลไอพีโอ-เอ็มแอนด์เอ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยที่เข้ามากระทบต่อการทำธุรกิจ และเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปีนี้ แต่ท่ามกลางวิกฤติ ก็ยังมี “โอกาส” สำหรับบางธุรกิจ ที่เห็นช่องในการต่อยอดการเติบโตของธุรกิจเพิ่มขึ้น

หากดูในปี 2563 ที่ผ่านมา มีบิ๊กใหญ่ๆ ของธุรกิจไทยมากมาย ที่ประกาศเดินหน้าการขยายธุรกิจ ผ่านการเข้าซื้อกิจการ บางบริษัทก็ใช้โอกาสนี้ แต่งตัวเพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ เพื่อต่อยอดการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต แต่หากนึกถึงการทำดีลใหญ่ๆ และเป็นชื่ออันดับต้นๆ ที่ภาคธุรกิจต้องนึกถึง นั่นคือกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินที่อยู่เบื้องหลัง ของการทำดีลใหญ่ๆ ไม่ว่าจะซื้อและควบรวมกิจการ การเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) เพราะแน่นไปด้วยประสบการณ์ เชี่ยวชาญ และแพลตฟอร์มที่พร้อมและโดดเด่น ทำให้เกียรตินาคินภัทรคว้าหลายรางวัล ในช่วงที่ผ่านมา ก็ถือเป็นเครื่องการันตีการเป็นมืออาชีพ

อนุวัฒน์ ร่วมสุขกรรมการผู้จัดการ ประธานสายตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เล่าให้ฟังถึงจุดแข็งของ  กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรว่า จุดที่ทำให้บริษัทแตกต่าง และโดดเด่นในธุรกิจนี้ มี 2 หัวใจสำคัญ คือ  การมีแพลตฟอร์มการลงทุนที่ครบทุกด้าน  สามารถให้บริการที่ดีที่สุด กับทั้งผู้ออกหลักทรัพย์และนักลงทุน และ การเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ทำให้เราเป็นนักรบที่มีอาวุธครบมือมากขึ้น เป็น Solution Provider ที่หาคำตอบการเงินและการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดกับลูกค้าแต่ละราย


          

สำหรับแฟลตฟอร์มการลงทุนมีด้วยกัน 4 แฟลตฟอร์ม คือ 1.ประสบการณ์ของทีมงานวาณิชธนกิจและตลาดทุน ที่ทำดีลได้หลากหลาย  สามารถจัดโครงสร้างที่เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งผู้ออกหลักทรัพย์และนักลงทุน เช่น งาน IPO ต้องตั้งราคาที่เหมาะสม สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่ธุรกิจเติบโตได้ในอนาคต ซึ่งเป็น "ราคาที่สูงที่สุดที่ผู้ขายยอมขายและคนซื้อยอมจ่าย"  ซึ่งส่วนตัวมองว่า IPO เข้าเทรดแล้วราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 80-100% ขึ้นไปถือเป็นความล้มเหลวการตั้งราคาเพราะตั้งราคาถูกไป  ซึ่งส่วนใหญ่ในโลกนี้เขาบอกว่าควรจะอยู่ที่ 10-15%ในวันแรกที่เข้าเทรด 2.การซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเราเป็นเบอร์ 1 ของโบรกเกอร์สถาบัน และ มีธุรกิจเวลธ์เมเนจเม้นท์ ที่แข็งแกร่ง มีสินทรัพย์ที่บริหารจัดการราว 6 แสนล้านบาท ทำให้รู้ถึงความต้องการของนักลงทุนเป็นอย่างดี ทำให้กระจายหุ้นการลงทุนให้กับนักลงทุนได้ครบทุกกลุ่ม  สิ่งนี้ทำให้เราเป็นผู้นำในธุรกิจวาณิชธนกิจตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา

3.ทีมงานวิจัยและนักวิเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับ มีความน่าเชื่อถือ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และดีที่สุดของไทย  เป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง ในการช่วยตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี 4.ความร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติระดับโลกอย่าง แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) ถือเป็นบริษัทหลักทรัพย์แห่งเดียวที่มีความร่วมมือในลักษณะนี้ ที่ช่วยเสริมความแกร่ง  ในด้านการทำบทวิเคราะห์ งานวิจัยที่มีคุณภาพมาตรฐานในระดับสากลและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

ทั้งนี้เรารวมกับธนาคารเกียรตินาคิน มา  8 ปี ทำให้สามารถต่อยอดการให้บริการได้เพิ่มขึ้น  ทั้งสินเชื่อ เงินฝากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ อัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยได้ ให้การให้บริการครบวงจรมากขึ้น เช่นสามารถให้บริการทางการเงินกับลูกค้าในช่วงที่ธุรกิจยังไม่พร้อมเข้าระดมทุนในตลาดทุน หรือสามารถให้บริการด้านอื่นๆกับภาคธุรกิจได้

วางเป้าหมายสำคัญในการทำธุรกิจของเรา คือ การให้บริการที่ดีที่สุด เราเอาของที่ดีที่สุดเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย สร้างประโยชน์ให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

ปัจจุบันงาน IPO ของบริษัทที่มีอยู่พอสมควร ยื่นไฟลิ่งแล้ว 2 บริษัท คือบมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ที่เตรียมจะเข้าต้นปีนี้และบมจ. เงินติดล้อ (NTL) รวมถึงยังมีอีก 1-2 บริษัทที่เตรียมจะยื่นเพิ่มเติมอีกในปี 2564