โรงพยาบาลเอกชนแห่จองวัคซีน ป้อนลูกค้ากระเป๋าหนัก

โรงพยาบาลเอกชนแห่จองวัคซีน  ป้อนลูกค้ากระเป๋าหนัก

โรงพยาบาลเอกชน แห่จอง“วัคซีน”ป้อนความต้องการลูกค้าเศรษฐีกระเป๋าหนัก หลังมีความต้องการสูง-พร้อมจ่าย ร้อนถึงภาครัฐต้องเข้ามาจัดระเบียบใหม่ ระบุชัดไม่สามารถซื้อเองได้โดยตรง ต้องผ่านตัวกลางที่ได้รับอนุญาตจากอย. จับตาหมอหัวใสตั้งบริษัทตัวกลางนำเข้าก่อนรัฐ

การนำเข้าวัคซีนต้นโควิด-19 เข้ามาในไทย ที่เบื้องต้นรัฐบาลประกาศแผนการจัดหาทั้งหมด 70 ล้านโดส เพื่อฉีดฟรีให้กับประชาชนคิดเป็น 50% ของประชากรทั้งหมด ที่เริ่มรอบแรก 2 ล้านโดสก.พ.นี้ อย่างไรก็ตามความต้องการวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทะยานสูงขึ้นมาก หลังสถานการณ์โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ในไทยจนทำให้มีผู้ติดเชื้อกระจายเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลให้บรรดาโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังหลายแห่ง เตรียมการนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 มาจำหน่ายและบริการฉีดให้กับประชาชนที่ต้องการและมีกำลังซื้อ โดยโรงพยาบาลบางแห่งถึงกับโฆษณาและประกาศนำเข้ามาให้บริการผ่านเวบไซด์ของตัวเอง จนทำให้ทางการต้องออกมาแตะเบรก เนื่องจากวัคซีนดังกล่าวยังไม่มีการรับรองจากองค์กรอาหารและยา (อย.)  

รัฐเข้ามาจัดระเบียบ

แหล่งข่าวในวงการโรงพยาบาล เปิดเผย“กรุงเทพธุรกิจ“ว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง ต้องการนำวัคซีนไปให้บริการกับลูกค้า เพราะมีความต้องการเข้ามามาก แต่ไม่สามารถสั่งซื้อเองได้ ถ้าสั่งโดยตรงถือว่ามีความผิดต้องผ่านตัวกลางหรือตัวแทนของแต่ละแห่งที่ผลิตวัคซีนเท่านั้น ซึ่งตัวแทนแต่ละแห่งจะไปขึ้นทะบียนขออนุญาตกับอย.โดยตรง

ประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ภาครัฐมีคำสั่งให้โรงพยาบาลเอกชนไปรวบรวมตัวเลขความต้องการว่ามีกี่ล้านโดส เพื่อให้มีการสั่ง และรับรอง ซึ่งจะใช้เวลาเร็วสุดคือ 30 วัน และช้าสุด 90 วัน ซึ่งเชื่อว่าจะมีปริมาณเกิน 1 ล้านโดสแน่นอน 

อย่างไรก็ตามด้วยปัจจุบันภาครัฐมีการประกาศเตรียมแจกวัคซีนฟรีให้กับประชาชนอยู่แล้วอาจจะทำให้โรงพยาบาลเอกชนไม่ได้รับประโยชน์มากอย่างที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้วัคซีนฟรีตามประกาศมาจาก บริษัทแอสทราเซเนกา ที่ใช้เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ทำสัญญา 26 ล้านโดส ช่วงปลายเดือนพ.ค. และก่อนนั้นเดือนก.พ. จะมีวัคซีนจากซิโนแวค ไบโอเทค จากจีนนำวัคซีน 2 แสนโดส ช่วงปลายมี.ค. อีก 8 แสนโดส และปลายเม.ย. อีก 1 ล้านโดส รวมทั้งหมดเป็น 2 ล้านโดส ยังไม่รวมกับการเจรจาเพิ่มเติมกับ ทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสทราเซเนกา

 “โรงพยาบาลเอกชนแทบจะทุกแห่งได้ติดต่อกับผู้ผลิตวัคซีนไว้แทบทุกเจ้า เพื่อหาช่องทางทำการตลาด โฆษณากับลูกค้าไว้ เพราะมีความต้องการจ่ายเงินซื้อวัคซีน แต่เมื่อภาครัฐประกาศฉีดฟรี ก็ทำให้ต้องทำงานแข่งกับเวลา ไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์ที่จะนำเข้าวัคซีนเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีบางเจ้าหัวใส จัดตั้งบริษัทนำเข้ายา มาจำหน่ายเอาไว้รออยู่แล้ว ซึ่งหากมีจริงสามารถดำเนินการได้ทันปลายเดือนก.พ.นี้”