ชัยภูมิยันไม่ล็อคดาวน์จังหวัด สั่งปิด ร.ร. เพิ่มอีก 29 แห่ง หลังติดเชื้อโควิด 7 ราย

ชัยภูมิยันไม่ล็อคดาวน์จังหวัด สั่งปิด ร.ร. เพิ่มอีก 29 แห่ง หลังติดเชื้อโควิด 7 ราย

พิษโควิด ชัยภูมิยันไม่ล็อคดาวน์จังหวัด สั่งปิดโรงเรียนเพิ่มอีก 29 แห่ง ยาวข้ามปีป้องกันจุดเสี่ยงเท่านั้น หลังติดเชื้อโควิด 7 ราย

( 28 ธ.ค. 63 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ สถานการณ์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ ยังคงไม่มีเพิ่มขึ้นคงที่รวมอยู่ที่ยอดยัง 7 รายเท่าเดิม มาต่อเนื่องเป็นวันที่สาม ซึ่งล่าสุด นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ แจ้งว่าจังหวัดชัยภูมิ ยังไม่มีมีการล็อคดาวน์จังหวัดชัยภูมิ แต่อย่างใด ซึ่งมาตรการที่ออกมารต่างๆ ในขณะนี้ขอประชาชนอย่าตกใจว่าอาจจะมีการสั่งปิดพื้นที่ต่างๆในขณะนี้นั้น

ซึ่งเป็นไปตามมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ ปิดพื้นที่ สถานที่ หรือโรงเรียนต่างๆที่มีการติดเชื้อหรือเป็นพื้นที่เสี่ยง ตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อความไม่ประมาทกันดีกว่าแก้ไว้ก่อนเท่านั้น

มาตรการเร่งด่วนที่สุดคือ ขอให้ประชาชนที่เคยเข้าไปพื้นที่เสี่ยง รีบมารายงานตัวคัดกรองหาเชื้อเพื่อจะได้ช่วยกันป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดต่อไปมากกว่านี้อีกได้ , ให้ผู้ประกอบการจำหน่ายอาหารทะเลสด แช่แข็งที่มาจากจังหวัดกลุ่มเสี่ยง มารายงานตัวตรวจหาเชื้อ , งดจัดงานหรือกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก(โดยเฉพาะช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2564 นี้) ,การจัดงานประเพณีหรือพิธีการทางศาสนาและพิธีการต่างๆต้องปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19อย่างเข้มงวดไว้ก่อนด้วยทุกพื้นที่ และให้ชาวชัยภูมิ และคนที่มาที่ จ.ชัยภูมิ ทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย 100% ทุกคนเมื่อออกจากบ้าน

ขณะที่ด้านนายชัยวัฒน์ ตั้งพงษ์ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 30 จังหวัดชัยภูมิ ( ผอ.สพม.30 ชัยภูมิ) เปิดเผยล่าสุดว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการเข้ามาระบาดในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ขณะนี้ ที่มีการพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ รวมแล้ว 7 ราย ล่าสุดในส่วนโรงเรียนสถานศึกษาที่ สพม.เขต 30 ชัยภูมิ รับผิดชอบเองก็ได้มีการเสนอขอปิดเรียน มาแล้วรวม 29 แห่ง/โรงเรียน ที่จะปิดยาวช่วงใกล้ช่วงส่งท้ายปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.63 ไปจนถึงปีใหม่ที่จะไปเปิดในวันที่ 4 ม.ค. 64

ซึ่งก็จะเป็นโรงเรียนที่อาจจะอยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยงมีผู้ติดเชื้อ เพื่อให้เด็กเยาวชนชาวชัยภูมิ ทุกคนปลอดภัย ไม่เกิดความเสี่ยงในครั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น และได้ให้มาตรการลงไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อในโรงเรียน สถานศึกษา ห้องเรียนอะไรต่างๆในจุดเสี่ยงในทุกแห่งที่ประกาศปิดมีผลแล้วตั้งแต่วันนี้ ซึ่งหวังว่าวิกฤตครั้งนี้ของประเทศไทยจะผ่านไปได้รวมกันโดยเร็ว และขอให้บุคลากร ครู ผู้บริหารได้ใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนที่จะได้สอดคล้องการระบาด ที่จะต้องมีการพัฒนาใช้สื่อระบบใช้สื่อการเรียนการสอนทางไกลตามมาอีกจำนวนมากได้ดีขึ้น