ไทยพบติดโควิด-19ในประเทศ 7 จังหวัด

ไทยพบติดโควิด-19ในประเทศ 7 จังหวัด

นายกฯ.สั่งสธ.ทำหลักเกณฑ์หากจำเป็นต้องล็อกดาวน์ประเทศ ตั้งรพ.สนามบริเวณใกล้ตลาด กำชับรถขนส่งสินค้าตรวจสอบทั้งรถ-คนขับอย่างเข้มข้นเหมือนชายแดน

   เมื่อเวลา 11.00 วันที่ 21 ธ.ค. 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยตรวจพบผู้ติดโควิด-19 เพิ่ม 382 ราย แยกเป็น การเจอในผู้เข้ารับการกักกันในสถานที่ที่รัฐกำหนด 8 ราย   การค้นหาเชิงรุกในแรงงานต่างด้าวจ.สมุทรสาคร 360 ราย และการติดเชื้อในประเทศ 14 ราย เป็นกรณีที่เชื่อมโยงกับตลาดกลางกุ้ง 12 รายอยู่ในพื้นที่จ.สมุทรปราการ 3 ราย  นครปฐม 2 ราย  สมุทรสาคร 5 ราย  และกรุงเทพฯ 2 ราย  และ 2 ราย เป็น 1 รายที่จ.อยุธยาให้ประวัติเดินทางมาจากภาคเหนือ และอีก  1 รายที่อ.แม่สอด จ.ตาก อยู่ระหว่างสอบสวนโรค  อย่างไรก็ตาม มีรายงานผลการตรวจยืนยันพบผู้ติดโควิด-19 ที่จ.สระบุรี 3 รายยังไม่ได้รวมอยูในยอดของวันนี้  ทั้งนี้ ในส่วนของการค้นหาเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าวจ.สมุทรสาคร อยู่ระหว่างการรอผลอีกราว 2,600 ราย
       นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านนายกฯ ได้เน้นย้ำในเรื่องของมาตรการควบคุมสอบสวนโรคและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดมากก่อนยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องของการดำเนินคดีอะไรใดๆ ดังนั้น ขอให้พี่น้องเมียนมามีความมั่นใจ พร้อมกันนี้ยังมอบให้สธ.จัดเตรียมหลักเกณฑ์การล็อกดาวน์หลายจังหวัด หรือล็อกดาวน์ประเทศ รองรับกรณีหากมีการระบาดในหลายจังหวัดมาขึ้น แต่ขอย้ำว่ายังไม่ได้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเพียงแต่ให้มีการเตรียมหลักเกณฑ์เอาไว้ว่าจะต้องใช้อะไรเป็นตัวกำหนด ถึงขั้นนั้นจะได้ไม่เป็นการสั่งการโดยพละการจากคนใดคนหนึ่ง

         มาตรการที่ดำเนินการในพื้นที่ไข่แดงที่เป็นพื้นที่ระบาดของจ.สมุทรสาคร จะมีการตั้งรพ.สนามประมาณ 100 เตียง ใกล้กับพื้นที่กับบริเวณหอพักบริเวณตลาดกลางกุ้ง เพื่อรองรับผู้ที่ติดเชื้อ ทั้งนี้ระบบสาธารณสุขจะจัดการดูแลตั้งแต่ที่มีอาการเบาไปหาหนัก ไม่นำผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากออกมาข้างนอก ส่วนคนที่อยู่ข้างนอกก็ไม่ควรเข้าไป มีเพียงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มีความรู้และมีการสวมอุปกรณ์ป้องกันอย่างเข้มข้นเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

         นอกจากนี้ จะเน้นย้ำเรื่องรถขนสินค้า และคนขับรถขนส่งสินค้าในพื้นที่จ.สมุทรสาคร โดยใช้มาตรการเช่นเดียวกับจังหวัดขอบชายแดน จะต้องตรวจสอบทั้งรถ และคนขับอย่างเข้มข้น รวมถึงขอความร่วมมือบริษัทขนส่งดูแลคนขับและกระบวนการขนส่งให้ดีทุกๆ ขั้นตอน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่จะนำสินค้าออกมาจากจังหวัดนี้ และสถานประกอบการในจังหวัดต่างๆ  ที่มีลูกจ้างต่างด้าว สามารถจัดหาชุดตรวจหาเชื้ออย่างเร็ว(แรบปิดเทสต์) ที่ได้รับการรับรองเพื่อตรวจเบื้องต้นในกลุ่มแรงงานได้ แม้จะไม่ได้เป็นการยืนยันผลได้ 100% แต่เป็นสร้างความมั่นใจได้ระดับหนึ่ง และต้องไม่ลืมเรื่องการสแกนแอพลลิเคชั่นไทยชนะ
      
มาตรการทั้งหลายอยากให้สถานศึกษาดูแลเด็กๆ รวมถึงการชุมนุมต่างๆ ถ้าจะต้องมีในช่วงนี้ขอฝากเตือนเอาไว้ด้วยว่าสถานการณ์อย่างนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะให้เกิดการรวมตัว และในพื้นที่ที่เชื่อมโยงกับสมุทรสาครหรือพื้นที่สงสัยอื่นๆ อาจจะต้องมีการกลับมาใช้มาตรการการทำงานที่บ้านอีกครั้ง แต่สิ่งสำคัญคืออยากให้สวมหน้ากากอนามัย 100% หากเจอกันเป็นเพื่อน หรือคนแปลกหน้าที่ไม่สวมก็สามารถตักเตือนกันได้ เพราะแสดงถึงความห่วงใย ไม่ใช่การต่อว่ากันและกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว