สธ.เผยคุมโควิด-19ได้เร็วสุดใน 2-4สัปดาห์

      เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 20 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงความคืบหน้าการติดโรคโควิด-19 และมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง ควบคุมโรค กรณีจังหวัดสมุทรสาคร ว่า  ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 67 ปี แต่ไม่ใช่ต้นเชื้อคนแรก เนื่องจากประวัติไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศมาก่อน จึงมีการค้นหาเชิงรุกทำให้พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก โดย 90 % เป็นชาวเมียนมาในจำนวนนี้ 90 % ไม่มีอาการ เนื่องจากที่พักมีความแออัด และวิถีชีวิตจะอยู่ด้วยกันใกล้ชิด และ 10 % เป็นคนไทย

           สธ.ได้มีการจัดการ กลุ่มแหล่งที่มีเชื้อ และขอบเขตบริเวณค่อนข้างชัดเจน จึงพยายามควบคุม และล็อกดาวน์ในพื้นที่ เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของเชื้อไปที่อื่น และมีการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก โดยทำทั้งในพื้นที่เสี่ยงสูง จึงไม่อยากให้กังวลกับตัวเลขมากนัก การที่เจอผู้ติดเชื้อในเปอร์เซ็นต์สูงเพราะค้นหาในพื้นที่เสี่ยงสูง และพื้นที่เสี่ยงต่ำซึ่งก็จะพบผู้ติดเชื้อในเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำลง  ระยะแรกดำเนินการ 1 หมื่นคน จากนั้นพิจารณาจากผลตรวจ หากพบผู้ติดเชื้อสูงจะวางมาตรกการในการค้นหาเชิงรุกเพิ่มขึ้นให้ได้ 3-4 หมื่นคน และครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

       การควบคุมโรคจะพยายามคุมโรคไว้ที่จ.สมุทรสาคร บริเวณตลาดกลางกุ้งที่เป็นแหล่งระบาดรุนแรง และอ.ใกล้เคียง ไม่ให้ออกจากจ.สมุทรสาคร ผู้ที่เป็นพื้นที่ต้นเชื้อที่พบ 500-600 รายให้อยู่ในพื้นที่จำกัดและควบคุมไว้ไม่ให้ออกนอกพื้นที่ แต่มีผู้ที่มาซื้อขายจากตลาดกลางกุ้งออกไปนอกจังหวัดหลายจังหวัด ซึ่งก็จะมีรายงานผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงตลาดนี้ราว 1-2 ราย แต่ละจังหวัดก็เข้าไปควบคุม โดยมีการตรวจจัดได้เร็ว ระบุไทม์ไลน์ และติดตามกลุ่มเสี่ยงที่เป็นผู้สัมผัสได้ ก็อาจจะมีคนติดจากกลุ่มคนนี้ต่ออีกกลุ่มละ 10-20 คน แต่ก็มีการตรวจจับได้เร็วและติดตามได้หมด
     “สถานการณ์ภาพรวมขณะนี้ประเทศไทยมีการระบาดเกิดใหม่เป็นวงกว้าง ภาพก็จะเป็นเจอผู้ติดเชื้อจำนวนมากในพื้นที่ตลาดกลางกุ้ง และใกล้เคียงในจ.สมุทรสาคร อาจจะมีออกไปนอกจากจังหวัดบ้างเป็นกลุ่มเล็กที่เข้าไปคุมได้  เชื่อว่าใช้เวลาอีก 2-4 สัปดาห์จากนี้จะคุมสถานการณ์ได้เหากสามารถคุมเหตุการณ์ในสมุทรสาครได้นิ่งภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อใน 2-3 วันนี้จะพุ่งขึ้นเป็นเพราะมีการค้นหาเชิงรุก ไม่ต้องตกใจ”นพ.เกียรติภูมิกล่าว

            นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า การจะควบคุมได้ต้องมีมาตรการต่างๆ อย่างมาตรการด้านสาธารณสุข จะประกอบด้วย  1.ค้นหาผู้ติดเชื้อ ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ทั้งกลุ่มแรงงานต่างด้าว จ.สมุทรสาคร และจังหวัดที่มีความเชื่อมโยงกัน ประชาชนจ.สมุทรสาครเฝ้าระวังอาการ ส่วนประชาชนที่มาจากสมุทรสาครตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ให้สังเกตอาการ และเข้ารับการตรวจที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน  2.เฝ้าระวัง โดยตรวจผู้ป่วยปอดอักเสบทุกราย 3.เตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมรับการระบาด มียารักษาพร้อม 5 แสนเม็ดรักษาได้ 8,000 คน หน้ากากอนามัย 46 ล้านชิ้นและสามารถผลิตได้อีกวันละ 4 ล้านชิ้น หน้า หน้ากาก N95 จำนวน 3 ล้านชิ้น ชุด PPE 2 ล้านชุด ซึ่งมีความเพียงพอ 4.จัดตั้งให้มีศูนย์รับคำปรึกษาทุกจังหวัด 5.กำหนดผู้รับผิดชอบของทุกจังหวัดในการจัดการรับมือการระบาด และ6.ตรวจสอบ ยกระดับการป้องกัน ควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาลทุกแห่ง

         ด้าน นพ.โอกาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จุดตั้งต้นของการระบาดครั้งนี้ คือ ตลาดกลางกุ้ง โดยได้รับรายงานรายแรกตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.จากนั้นก็สอบสวนโรคและตรวจหาเชื้อ ขณะนี้(15.00 น. วันที่ 20 ธ.ค.2563) พบผู้ติดเชื้อ 689 ราย แยกเป็น กลุ่มที่ตรวจพบที่รพ.และการค้นหาผู้สัมผัส 32 ราย พบในจ.สมุทรสาคร  จ.นครปฐม 2 ราย กรุงเทพฯ 2 ราย และจ.สุมทรปราการ 3 ราย  ส่วนราชบุรีมีการตรวจในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นสายส่งอาหารทะเลและเดินทางมาซื้ออาหารทะเลจากตลาดนี้แล้ว 30 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อ นอกจากนั้น ให้มีการตรวจในกลุ่มเสี่ยงที่จ.สุพรรณบุรี และจังหวัดอื่น และกลุ่มการตรวจค้นหาเชิงรุกในชุมชนอีก 657 ราย ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อช่วงนี้จะเพิ่มขึ้นเร็ว ซึ่งการค้นหาเจอเร็วก็จะช่วยให้คุมได้เร็ว

          “ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนที่ไปลงพื้นที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ไม่ต้องกักตัวแต่ขอให้รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อประเมินความเสี่ยงว่าอยู่ระดับต่ำ กลางหรือสูง และรับคำแนะนำ หากมีความเสี่ยงต่ำจะให้เฝ้าสังเกตอาการ หากมีอาการให้ไปตรวจหาเชื้อ กรณีมีความเสี่ยงสูงต้องกักตัวและตรวจหาเชื้อ โดยมีความเสี่ยงคือถูกผู้ติดเชื้อไอ จามรด พูดคุยกับผู้ติดเชื้อนานเกิน 5 นาที และไม่ได้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวใดๆ”นพ.โอภาสกล่าว