การปรับโครงสร้างโลจิสติกส์เพื่อการขนส่งสีเขียว
การขนส่งสีเขียวยังสามารถทำได้โดยการสร้างประสิทธิภาพด้านพลังงาน ที่เป็นการลดอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงต่อระยะทางการขนส่งสินค้า
การจัดการขนส่งสีเขียวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของธุรกิจค้าปลีกสามารถดำเนินการได้ด้วยการปรับโครงสร้างทางภูมิศาสตร์ (Geographical Structure) ของโซ่อุปทานและระบบโลจิสติกส์ เช่น การจัดหาสินค้าจากซัพพลายเออร์ในพื้นที่ใกล้เคียง การใช้ศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรวมศูนย์โลจิสติกส์ขาเข้าจากซัพพลายเออร์เพื่อมาทำ Cross-docking ตลอดจนการตั้งศูนย์กระจายสินค้าบริเวณใกล้เคียงกับท่าเรือสำหรับรองรับสินค้านำเข้าซึ่งสามารถช่วยลดระยะทางการขนส่งทางถนนลงได้ 700,000 ไมล์ ทุกๆ ปริมาณสินค้านำเข้า 5,000 TEUs
ทั้งนี้ ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่เกือบทั้งหมดได้มีการใช้ศูนย์กระจายสินค้าเพื่อทำ Cross-docking ที่เป็นการรับสินค้าจากซัพพลายเออร์มาผ่านกระบวนการคัดแยกและจัดสินค้าก่อนกระจายต่อไปยังร้านสาขา อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้าให้มีความรวดเร็วขึ้น ช่วยลดต้นทุนในการจัดเก็บสินค้า และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึงร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งจากซัพพลายเออร์ไปยังร้านสาขาโดยตรงแบบ Direct Shipment
ตัวอย่างเช่น การเปิดศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับสินค้าจากซัพพลายเออร์ในพื้นที่ใกล้เคียงของเทสโก้ โลตัส ที่นอกจากช่วยให้ลูกค้าได้รับสินค้าตรงจากเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ที่สดและมีคุณภาพสูง เนื่องจากลดระยะเวลาการขนส่งได้ 1 วันแล้ว ยังช่วยลดระยะทางการขนส่งได้ถึง 400,000 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 1,670,000 บาท ตลอดจนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 270 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
การวางเส้นทางการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ (Optimal Routing) โดยมุ่งเน้นการลดระยะทางขนส่งเฉลี่ย ยังเป็นอีกหนึ่งแนวทางของการขนส่งสีเขียวที่นอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้วย โดย LIDL ห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตขายสินค้าราคาถูกของประเทศเยอรมันได้ร่วมมือกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ในการวางแผนเส้นทางขนส่งที่มีประสิทธิภาพ (Route optimization) รวมถึงมีการเปิดศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มเติม ซึ่งตั้งแต่ช่วงปี 2015 เป็นต้นมา LIDL สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 40% ในขณะที่เทสโก้ โลตัส มอบหมายให้ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มีความชำนาญเป็นผู้ทำการขนส่งและดูแลศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยดีเอชแอล ซัพพลายเชน จะรับผิดชอบการบริหารจัดการสินค้าคงคลังและการจัดเก็บสินค้าอาหารสดและอาหารแช่แข็ง ตลอดจนกิจกรรมการขนส่งทั้งขาเข้าและการกระจายสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าของเทสโก้ โลตัส ไปยังร้านสาขากว่า 220 แห่งในภาคใต้ โดยคาดว่าจะช่วยขนส่งสินค้าได้ปริมาณเพิ่มขึ้น 23% ต่อเที่ยว ส่งผลต่อการลดระยะทางขนส่งเฉลี่ยและปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามนโยบาย Zero Carbon
สุดท้าย การขนส่งสีเขียวยังสามารถทำได้โดยการสร้างประสิทธิภาพด้านพลังงาน ที่เป็นการลดอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงต่อระยะทางการขนส่งสินค้า ซึ่งสามารถดำเนินการได้ดังนี้
• การเลือกใช้ขนาดยานพาหนะให้เหมาะสมกับปริมาณสินค้า
• การใช้ยานพาหนะที่ประหยัดพลังงาน หรือใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในธุรกิจค้าปลีก
• การปรับพฤติกรรมการขับรถของพนักงานขับรถ โดยจัดอบรมวิธีการขับรถที่ประหยัดพลังงาน
• การสร้างแรงจูงใจ (Incentive) ให้แก่พนักงานขับรถที่ช่วยประหยัดพลังงาน
• การตรวจสอบสภาพการจราจรก่อนทำการขนส่ง
• การจัดตารางการขนส่งที่หลีกเลี่ยงช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีสภาพการจราจรแออัด อาทิ การขนส่งสินค้าในเวลากลางคืน ส่งผลให้รถบรรทุกสินค้าสามารถรักษาระดับความเร็วที่ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งสามารถลดการสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น
คราวหน้า เรามาคุยกันถึงตัวอย่างแนวทางการสร้างประสิทธิภาพด้านพลังงานที่ธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกดำเนินการเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม