ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่'สกลนคร'

สกลนคร เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ได้ชื่อว่าเป็นเมือง 3 ธรรม คือ ธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม โดยมีคอนเซ็ปต์ว่า "จิบไวน์หมากเม่า ชมควาย สปากระทะร้อน ด้วยสมุนไพรสกลนคร"

โดยเฉพาะความโดดเด่นเรื่องกัญชาไทยสายพันธุ์หางกระรอก มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชงกัญชาและพืชสมุนไพรอื่นเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าเศรษฐกิจให้กับชุมชน

เมื่อเร็วๆ นี้ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ขับเคลื่อนโมเดลการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทยเพื่อสุขภาพสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผ่านเส้นทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านการจัดนิทรรศการในงาน “เที่ยวไทย สุขภาพดี วิถีถิ่น 2020” วันที่ 9-13 ธันวาคม 2563 ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม

(ผ้าทอจากสกลนคร)

รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร รองอธิการบดีประจำวิทยาเขตสกลนคร มทร.อีสาน บอกว่า ตอนนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ภายในคณะทรัพยากรธรรมชาติ ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร ปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากจังหวัดสกลนครเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของดินและสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการเพาะเมล็ดพันธุ์กัญชาและปลูกต้นกัญชา ทั้งยังมีความพร้อมด้านทรัพยากรบุคคล นักวิจัย นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ

(มาดูแลสุขภาพที่สกลนคร)

รวมถึงการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่หนุนเสริมเรื่องการเพาะและควบคุมการปลูกกัญชาระบบออร์แกนิค เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สามารถนำไปเป็นส่วนประกอบของการปรุงเป็นยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

นอกจากนี้ยังได้นำองค์ความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นและหมอพื้นบ้าน มาบูรณาการร่วมกับการวิจัยและเทคโนโลยี และพัฒนาต่อยอดเพื่อให้เกิดเป็นต้นแบบระบบฟาร์มอัจฉริยะในพื้นที่การปลูกกัญชาของจังหวัด

ในอนาคตจะมีการจัดโครงการกัญชาทางการแพทย์ครบวงจร โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย ซึ่งผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) หรือ 30 บาทรักษาทุกโรคสามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาโรคด้วยกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้มีการนำร่อง ณ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยสกลนคร หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท ให้บริการด้านการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย รวมทั้งคลินิกกัญชาทางการแพทย์ “บ้านคุณสุข” 

"การใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางจะเชื่อมต่อกันทั้งระบบ ต่อไปเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่ จ.สกลนคร จะสามารถตอบโจทย์คนรักสุขภาพทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ  ซึ่งจะเป็นสิ่งหนึ่งที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวที่รักสุขภาพทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย"

รศ.ดร.โฆษิต กล่าวถึงการต่อยอดโมเดลการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพว่า มีการสร้างเครือข่ายกับชุมชนหมู่บ้านราชมงคลและบ้านนาเชือก โดยหมู่บ้านราชมงคลแห่งนี้ได้มีการพัฒนาเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และวิถีชีวิต 

“บ้านนาเชือกมีกลุ่มอนุรักษ์ควายและกลุ่มผลิตภัณฑ์การย้อมผ้าจากมูลควาย ซึ่งมีสีผ้าแบบธรรมชาติ และเป็นสินค้าโอทอป นอกจากนี้ยังมีการเที่ยวชมเกาะควาย และกิจกรรมสปาสมุนไพรกระทะร้อน สำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายความตึงเครียด"