หนังเล่าโลก: The Crown บารมีแผ่ไพศาล

หนังเล่าโลก: The Crown บารมีแผ่ไพศาล

หนังเล่าโลก: The Crown บารมีแผ่ไพศาล ออกอากาศทางเน็ตฟลิกซ์ ได้รับการพูดถึงมาตลอด โดยเฉพาะในซีซัน 4 เรียกได้ว่าดังตั้งแต่ยังไม่ออกฉาย

ซีรีส์ The Crown ที่ออกอากาศทางเน็ตฟลิกซ์ ได้รับการพูดถึงมาตลอด โดยเฉพาะในซีซัน 4 เรียกได้ว่าดังตั้งแต่ยังไม่ออกฉาย เพราะซีซันนี้กล่าวถึงชีวิตรักระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษกับพระชายา เจ้าหญิงไดอานา เทพนิยายหวานจับใจคนทั้งโลกแต่ต้องจบลงด้วยโศกนาฏกรรม

The Crown ซีซันนี้เปิดเรื่องด้วยการค้นหาหญิงผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมมาครองคู่กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ที่คนวงในทราบกันดีว่าทรงมีจิตผูกพันกับคามิลลา พาร์กเกอร์-โบลส์ อดีตคนรักที่แต่งงานไปแล้วแต่เจ้าชายยังตัดใจไม่ได้ ด้วยรู้ดีว่าการแต่งงานของคามิลลาเป็นฝีมือของคนในวังที่ต้องการกีดกันเธอออกไปจากชีวิตของพระองค์ ยิ่งสามีคามิลลามีพฤติกรรมมั่วหญิงไม่เลือก เจ้าฟ้าชายชาร์ลสก็ยิ่งเห็นใจคนรักเก่ามากขึ้นไปอีก กว่าผู้หลักผู้ใหญ่จะหาหญิงสาวผู้เหมาะสมนามไดอาน่า สเปนเซอร์ได้ก็ยากพอดู

และเมื่อสาวเจ้าเหยียบย่างเข้ามาเป็นสมาชิกราชวงศ์วินด์เซอร์ก็ต้องเจอปัญหาหนักอกหลายด้าน ต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีปฏิบัติในรั้วในวัง ที่ดูเหมือนทุกคนล้วนเย็นชา เจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ต พระขนิษฐาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ดูเจ้ายศเจ้าอย่างตั้งแต่แรกเจอ เจ้าฟ้าหญิงแอนน์ พระขนิษฐาเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ไม่พอใจที่เจ้าหญิงไดอานาโดดเด่นในทุกอิริยาบถ ชนิดที่พระองค์เองเทียบไม่ได้แม้จะทรงงานหนักแค่ไหนก็ตาม

ส่วนสมเด็จพระราชินีนาถฯ นั้นเล่า ในฐานะประมุขของชาติการแสดงความเห็นอกเห็นใจลูกสะใภ้แบบคนธรรมดาสามัญก็ช่างยากเสียเหลือเกิน แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดสำหรับเจ้าหญิงไดอานาก็คือพระสวามียังตัดใจไม่ได้กับคนรักเก่า

สิ่งที่ผู้ชมได้เห็นตลอดซีซันนี้ ซึ่งเปิดเปลือยชีวิตรักอันล้มเหลวของเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์คือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลสหาเวลาติดต่อใกล้ชิดกับคามิลลาอยู่ตลอดเวลา ส่วนเจ้าหญิงไดอานา แม้จะได้รับความชื่นชมจากคนทั้งโลกแต่สิ่งที่เธอไขว่คว้าไว้ไม่ได้ก็คือหัวใจของชายผู้ได้ชื่อว่าสามี ความจริงในข้อนี้ปรากฏอยู่ในบทสัมภาษณ์อันลือลั่นเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2538 ระหว่างเจ้าหญิงไดอานา กับมาร์ติน บาเชียร์ นักข่าวบีบีซี ในรายการ “พาโนรามา”

“มีเราสามคนอยู่ในชีวิตสมรสนี้ มันก็เลยแออัดไปหน่อย” นี่คือบทสรุปชีวิตคู่จากปากเจ้าหญิงแห่งเวลส์ อันนำไปสู่การหย่าร้างในปี 2539

เชื่อว่าทุกคนที่ดู The Crown ซีซันนี้คงอดเห็นใจเจ้าหญิงไดอานาไม่ได้ รวมทั้งความน่าอึดอัดในฐานะสมาชิกราชวงศ์ จนบางคนเผลอไปเทียบเคียงกับกรณีเจ้าชายแฮร์รี พระโอรสองค์เล็กของพระองค์และพระชายา เมแกน มาร์เคิล ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซ็กส์ ที่ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ระดับสูงเมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา ความเห็นใจในชะตากรรมของตัวละครที่สร้างจากเรื่องจริง ทำให้ดูไปก็ต้องตั้งคำถามไปว่านี่เรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง

เช่นเดียวกับโอลิเวอร์ ดาวเดน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมอังกฤษที่เตือนว่า คนดูรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันยุคนั้นอาจเข้าใจผิดคิดว่าเรื่องแต่งเป็นเรื่องจริงก็ได้ ดังนั้นเน็ตฟลิกซ์ควรขึ้นป้ายเตือนบอกให้คนดูทราบว่าฉากไหนเป็นเรื่องแต่ง

แต่ยักษ์ใหญ่สตรีมมิงรายนี้แถลงว่า จะไม่ขึ้นป้ายเตือน “เราบอกเสมอมาว่า The Crown เป็นละคร เรามั่นใจว่าสมาชิกเข้าใจว่านี่คือเรื่องที่แต่งขึ้นจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ จึงไม่มีแผนและไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องขึ้นป้ายเตือน”

สำหรับคนดูซีรีส์ที่ผสมผสานเรื่องจริงกับเรื่องแต่งได้อย่างลงตัวนี้ สะท้อนให้เห็นเสรีภาพสื่อในโลกตะวันตก ที่สามารถสร้างคอนเทนท์ตอบโจทย์คนดูโดยไม่มีอะไรขวางกั้น ทำให้ผู้ชมทั่วโลกรู้สึกใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษโดยไม่รู้ตัว อีกนัยหนึ่ง The Crown คือซอฟต์พาวเวอร์ที่ช่วยสร้างบารมีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ให้แผ่ไพศาลท่ามกลางคำถามที่ว่าราชวงศ์ (อังกฤษ) ยังมีความจำเป็นอีกหรือไม่