'ประยุทธ์' รอด ศาลรธน.นั่งนายกฯต่อ อยู่บ้านพักทหารไม่ผิดกฎหมาย

'ประยุทธ์' รอด ศาลรธน.นั่งนายกฯต่อ อยู่บ้านพักทหารไม่ผิดกฎหมาย

ศาลรธน.วินิจฉัย 'ประยุทธ์' ไม่ตกเก้าอี้ อยู่บ้านทหารชอบด้วยรธน. ไม่ขัดระเบียบกองทัพบก เหตุเป็นอดีตผู้บัญชาการกองทัพบก

เมื่อเวลา 15.20 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม (ผู้ถูกร้อง) ถูกร้องว่าพักอาศัยอยู่ในบ้านพักราชการ ในค่ายทหาร อันอาจทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้สิ้นสุดลงแต่อย่างใด สำหรับสาระสำคัญของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีดังนี้ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  มติศาลรธน.เอกฉันท์ 9:0 'ประยุทธ์' อยู่บ้านทหารไม่ผิด  

1กำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของประยุทธ์สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ ตั้งแต่เมื่อใด

ข้อเท็จจริงในคดีปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2553 เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2557 ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. พักอาศัยในอาคารหมายเลข 253/54 ตั้งอยู่ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ซึ่งบ้านพักหลังนี้ มีการปรับโอนให้มีสถานะเป็นบ้านพักรับรองของกองทัพบกเมื่อปี 2555 ปัจจุบันเป็นพื้นที่ครอบครองดูแลและใช้ประโยชน์ในราชการของกองทัพบก

มีประเด็นต้องวินิจฉัยเบื้องต้นก่อนว่า ผู้ถูกร้อง (พล.อ.ประยุทธ์) กระทำการลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่เห็นว่า เมื่อพิจารณาระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 ข้อ 5 กำหนดให้ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองต้องมีลักษณะตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ ข้อ 5.1 ข้าราชการสังกัดกองทัพบก มีชั้นยศพลเอก ข้อ 5.2 เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูงในกองทัพบก ทำคุณประโยชน์ให้กองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาแล้ว ข้อ 7 กำหนดให้แบ่งประเภทบ้านพักรับรองของกองทัพบกสำหรับผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 5 โดยข้อ 7.1 บ้านพักรับรองกองทัพบก อาคารหมายเลข 70/25 เป็นบ้านพักรับรองของ ผบ.ทบ. ข้อ 7.2 บ้านพักรับรองหมายเลข 1, 4, 31, 170.10, 246/16, 26/18, 385/23, 249/25, 437/37, 492,45, 493,45 และที่กองทัพบกกำหนดขึ้นภายหลังเป็นบ้านพักรับรองของผู้บัญชาการชั้นสูงของกองทัพบก และอดีตผู้บังคับบัญชาตามข้อ 5.8

ข้อ 8 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ผู้เข้าพักหมดสิทธิเข้าพักอาศัยกรณีนี้ ได้แก่ 8.1 ย้ายออกนอกกองทัพบก 8.2 ออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด 8.3 ถึงแก่กรรม 8.4 เมื่อพิจารณาให้หมดสิทธิเข้าพักอาศัย ข้อ 8 วรรคสอง กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 5.2 หมดสิทธิเข้าพักอาศัยตามข้อ 8.1 และ 8.2 แล้ว กองทัพบกอาจพิจารณาให้มีสิทธิเข้าพักอาศัยเป็นกรณีเฉพาะรายก็ได้ ขณะที่ข้อ 11 กำหนดว่า บ้านพักรับรองที่กองทัพบกกำหนดให้พิจารณาความเหมาะสมในการสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า น้ำประปา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัยตามความจำเป็นและการใช้งาน

ประกอบกับคำชี้แจงของ ผบ.ทบ. ที่ชี้แจงว่า ขณะ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. อยู่ จึงเป็นผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรอง โดยอาศัยระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 ข้อ 5 และเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณตำแหน่ง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2557 แต่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ ยังคงมีสิทธิพักอาศัยในบ้านพักรับรองดังกล่าว เนื่องจากเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาชั้นสูง และทำคุณประโยชน์ให้กองทัพบกและประเทศชาติ และเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. มาแล้วตามข้อ 5.2 หาใช่อาศัยในบ้านพักรับรอง ในฐานะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพียงสถานะเดียวไม่ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก แม้เป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นพลเรือน ย่อมไม่มีสิทธิพักอาศัยในบ้านพักรับรองตามระเบียบกองทัพบกได้

"บ้านพักมีเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจ" 

นอกจากนี้ข้อ 8 กำหนดให้กองทัพบกเป็นผู้พิจารณาผู้มีสิทธิเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองที่หมดสิทธิ ด้วยเหตุย้ายออกนอกกองทัพบก หรือออกจากราชการไม่ว่ากรณีใด ๆ ไม่มีสิทธิเข้าพักเป็นเฉพาะรายได้ การที่กองทัพบกกำหนดอาคารเลขที่ 253/54 เป็นบ้านพักรับรอง แม้จะเป็นการกำหนดขึ้นภายหลัง ปรากฏตามหนังสือ กบ ทบ ด่วนมาก ที่ ต่อ กข 0404/1560 ลงวันที่ 19 มิ.ย. 2555 โดยอนุมัติให้ปรับโอนอาคารเรือนรับรองดังกล่าวเป็นบ้านพักรับรองของกองทัพบก รับผิดชอบขึ้นตรงกับกองทัพบกก็ตาม แต่กำหนดอาศัยอำนาจตามข้อ 7.2 ให้กระทำได้

ส่วนกรณีกองทัพบกสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปาในการใช้งานบ้านพักรับรองกองทัพบก พิจารณาความเหมาะสมสนับสนุนงบประมาณค่าไฟฟ้า และน้ำประปา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัย ตามความจำเป็นเหมาะสมตามข้อ 11 การให้สิทธิดังกล่าวข้างต้น กองทัพบกได้พิจารณาให้สิทธิแก่บุคคลผู้เข้าเงื่อนไข มีคุณสมบัติในการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก มิใช่ให้สิทธิเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น

ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ พักอาศัยในบ้านพักรับรองที่กองทัพบกจัดให้ และได้รับการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา เป็นไปตามดุลพนินิจของกองทัพบกมีอำนาจพิจารณาตามระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 แล้ว โดยระเบียบดังกล่าวใช้บังคับมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2548 ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และนายกรัฐมนตรี

โดยที่นายกรัฐมนตรี เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญของประเทศ นอกจากเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญกำหนดให้บริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังมีฐานะเป็นผู้นำประเทศ ความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งครอบครัวมีส่วนสำคัญ และมีหน้าที่จัดการดูแลความปลอดภัยให้แก่นายกรัฐมนตรี และครอบครัวตามความเหมาะสมแก่สภาพการณ์ การจัดบ้านพักรับรองที่มีความปลอดภัย มีความเป็นส่วนตัว สร้างสภาพสุขกาย สุขใจ การปฏิบัติภารกิจบริหารประเทศ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐพึงจัดให้มีที่พำนักให้แก่ผู้นำประเทศกรณีดำรงตำแหน่ง
สำหรับประเทศไทย

ในอดีตเคยกำหนดสถานที่บางแห่งเป็นที่พำนักนายกรัฐมนตรี เช่น บ้านพิษณุโลก แต่ปัจจุบันการบำรุงรักษายังไม่พร้อมใช้ หรือจัดให้มีใหม่ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ผู้นำประเทศสมเกียรติ รัฐจึงจัดให้มีที่พำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่กองทัพบกอนุมัติให้ใช้บ้านพักรับรอง สนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ได้รับสิทธิตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน โดยปฏิบัติตามระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 เป็นกฎที่ยังคับใช้บังคับอยู่ ยังมิได้ถูกยกเลิกหรือเพิกถอน

ประกอบกับกองทัพบกให้สิทธิดังกล่าวแก่ผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบนั้น โดยถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล อันเนื่องจากการดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพบก จึงมิได้เป็นการกระทำที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับเงินหรือประโยชน์อื่นใดจากกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยราชการเป็นพิเศษ นอกจากปฏิบัติต่อบุคคลอื่นในธุรกิจการงานปกติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 186 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) ดังนั้นความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5)

ย้ำชัดไม่ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

2.ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า พล.อ.ประยุทธ์ กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงฯ ตามมาตรา 160 (5) ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) หรือไม่ เห็นว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาศัยบ้านพักรับรองที่กองทัพบกพิจารณาจัดบ้านพักรับรอง และสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำ ใช้งานในบ้านพักรับรอง เป็นไปตามระเบียบกองทัพบก ว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ. 2548 แล้ว

จึงไม่เป็นกรณีการถือประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของประเทศ ไม่แสวงหาผลประโยชน์มิชอบเพื่อตนเอง ไม่เป็นการขอ เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ในประการกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ และไม่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน และส่วนรวม ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม เว้นแต่เป็นการรับที่มีบทบัญญัติแก่กฎหมายให้รับได้

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามกำหนดในประมวลมาตรฐานจริยธรรมฯ ข้อ 27 ประกอบข้อ 7, 8, 9, 11 อันเป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) เป็นเหตุความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)

อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3)