‘บดินทร์ ดุ๊ก’ ถ้าเป็นทะเล ชอบ‘อันดามัน’
จะเที่ยวแบบไหนก็ไม่เกี่ยง หรูเลิศก็ชอบ นอนกางเต็นท์ดูดาว ฟังเสียงคลื่นที่ไหนก็ได้ เพียงแค่คิดบวกก็สุขใจแล้ว และนี่คือการเดินทางของ‘บดินทร์ ดุ๊ก’
“การเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว เสน่ห์ของมันคือได้รีแลกซ์ แล้วอะไรที่เราไม่ได้คาดหวัง มันจะเกิดขึ้น บางทีก็ได้เพื่อนใหม่ แต่ถ้าเราไปเป็นกลุ่ม เราจะปิดตัวเอง ไปคนเดียวมัน Open พร้อมที่จะเปิดรับกับคนอื่นอยู่แล้ว ก็สนุกไปอีกแบบหนึ่ง” บดินทร์ ดุ๊ก นักแสดงที่มีผลงานภาพยนตร์และละครมากมาย อีกทั้งเป็นนักร้องมีผลงานชื่อ ยังไงก็ดุ๊ก ปัจจุบันเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยเกริก, มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ทำรายการยูทูบ STAR ITEM จัดรายการ Travel Radio ทุกวันพุธ เวลา 13.00 น.ทางคลื่น 104.5 Mhz พูดถึง การเดินทางคนเดียวที่มีน้อยครั้ง ระยะหลังจะเดินทางเป็นกลุ่มมากกว่า
“ไปได้หมดเลย ไฮโซ โลว์คอร์ส กางเต็นท์ โรงแรมหรู เมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งไปกับอลิศ คริสตัน ไปกัน 7-8 คน 4 วัน 3 คืน นอนกางเต็นท์ริมน้ำที่จ.สระบุรี ถ้าไปเที่ยวแบบชิลๆ จะไปกับกลุ่มนี้ แต่ถ้าไปเที่ยวแบบหรูก็จะไปอีกกลุ่มหนึ่ง ก่อนหน้าเพิ่งไปไร่ของ เปียเชอร์ คริสเตนเซ่น มา เขาทำไร่มะรุม ก็ไปกางเต็นท์กัน พรุ่งนี้ก็จะไปเกาะช้าง แล้วก็มีไปสวนผึ้ง”
ถ้าให้เลือกระหว่างทะเลกับภูเขา เขาบอกว่าชอบทะเลมากกว่า เพราะมองได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
“ทะเลอันดามันคือที่สุดแล้ว เอาภูเขามาแลกก็ไม่ยอม เอาทะเลหมอกมาแลกก็ไม่ยอม ล่าสุดเพิ่งไปเกาะสี่ หมู่เกาะสุรินทร์มา ไปดำน้ำ ไปถ่ายรูปใต้น้ำ แต่สถานที่ชอบที่สุดคือ สิมิลัน ไม่ต้องไปถึงมัลดีฟก็ได้ ถ้าเงินไม่ถึง ช่วงนี้ที่ไปเพิ่งเปิดฤดูกาลพอดี การระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ธรรมชาติฟื้นฟู ทรายละเอียดนุ่มมาก เหยียบปุ๊บจมไปครึ่งเท้า ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปอีก ไปคนเดียวก็ได้ เพราะว่าทุกอย่างพร้อม มีจุดกางเต็นท์ มีแหล่งน้ำธรรมชาติ กลางวันเราก็ไปอาบแดด แล้วก็มาอาบน้ำ สดชื่น”
ส่วนต่างประเทศ ไม่ค่อยมีที่ไหนชอบ เพราะเคยไปกับทัวร์แล้วเหนื่อยมากกว่า
“ถ้าให้ไปคนเดียวก็ไม่สนุก เพราะเรื่องของการสื่อสาร เราไม่ได้เก่งขนาดที่จะไปอยู่คนเดียวในสังคมเขาได้อย่างมีความสุข ถึงเราจะพูดเอาตัวรอดได้ แต่ว่าพฤติกรรมหรือวัฒนธรรมของเขาอาจจะไม่ได้เฟรนด์ลี่เหมือนคนไทย เราชอบอากาศเย็น แต่เวลาไปเที่ยวภูเขา เที่ยวน้ำตก มันชื้นเย็นก็จริง แต่มองออกไป มันตันเลย ไม่เหมือนไปทะเล มองออกไปแล้ว มันรีแลกซ์ มองเห็นเส้นขอบฟ้า ไปนั่งริมหาดใต้ร่มไม้ ได้ทอดอารมณ์ ปล่อยอารมณ์”
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทย ยังมีอีกเยอะมากที่อยากไป แต่ยังไม่ได้ไป
“เมืองไทยมีที่เที่ยวเยอะ ไม่มีหมด พอไปเที่ยวตรงนี้ปุ๊บ งอกมาอีกแล้วต้องไปเที่ยวใหม่ ตอนนี้อยากไป เขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี, ช่องเย็น จ.กำแพงเพชร 15 องศาทั้งปี เมื่อก่อนไปไหนต้องถ่ายรูป เคยไปพักบังกะโลที่เกาะพะงันคนเดียว 10 วัน วันๆ เดินถือกล้องถ่ายรูปไป ยังเอามาใช้สอนถ่ายรูปได้ถึงทุกวันนี้ มีขาตั้งกล้อง ถ่ายสปีดต่ำๆ ให้คลื่นนวลๆ แต่สมัยนี้ตั้งใจไปรีแลกซ์อย่างเดียว”
ส่วนเรื่องผิดพลาดผิดคิวในการเดินทางก็มีเหมือนกัน แต่เป็นความตั้งใจมากกว่า
“เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ขับรถแวนไปกับเพื่อน 3 คน ตั้งใจไปเกาะช้าง แต่ขับไปถึงเกาะเสม็ด ข้ามเรือไปพักคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นจะไปเกาะช้างก็ไม่ได้ไป แวะเที่ยวเธคที่พัทยาก่อน กลับมาพักเกาะเสม็ดอีกหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นไปถึงท่าเรือ เรือหมด ข้ามไม่ได้ ก็นอนที่ท่าเรือ ได้รู้จักกับลูกผู้ใหญ่บ้าน เขาเปิดบ้านให้นอน ตอนเช้าถึงได้ลงเรือไป ทุกอย่างถ้าไม่ได้ Fix มันก็ Flexible ได้ ไม่ซีเรียส เราก็คิดทางบวกสิ ถ้าเราข้ามเรือไปไม่ได้ เราก็ได้รู้จักคนเพิ่ม”
เมื่อพูดถึงความประทับในการเดินทาง ทริปนั้นเกิดขึ้นในเมืองไทยนี่เอง แต่ต้องย้อนอดีตไปสักหน่อย ในที่ซึ่งมีความเป็นธรรมชาติมากๆ
“ครั้งหนึ่งไปเกาะช้าง ตอนนั้นยังไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ ค่าที่พักคืนหนึ่ง 80 บาท คุณป้าจะให้ตะเกียงมาหนึ่งดวง เราก็พักอยู่ในกระต๊อบ มีมุ้งให้ นั่งเฮฮาสังสรรค์กัน ท่ามกลางความมืดในรัศมีตะเกียงหนึ่งดวง เดินไป 3 ก้าวออกไปฉี่ ก็มองกันไม่เห็นแล้ว อยู่กับธรรมชาติ มองไปบนฟ้าก็เห็นดวงดาวมากมาย”
การเดินทางแต่ละครั้ง มักให้อะไรกลับมาเสมอ และไม่มีที่ไหนที่เหมือนกันเลย
“เราจะได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันสารพัดสารเพ แค่กางเต็นท์วันนี้ กับกางเต็นท์พรุ่งนี้ มันก็ไม่เหมือนกันแล้ว เพราะเราจะต้องเจอดินที่แตกต่างกัน ทั้งหน้าดิน ระนาบของพื้นที่ที่แตกต่างกัน เจอมด เจอแมลง เจออุปสรรคต่างๆ ทำให้เรามีทักษะมากขึ้น ซึ่งจะว่าไปแล้ว เวลาไปที่ไหนอย่างน้อยก็ต้อง 3 วัน 2 คืน ไม่อย่างนั้นก็เหมือนไม่ได้ไป"
