ILM - ซื้อ

ILM - ซื้อ

พิสูจน์แล้วถึงกลยุทธ์ฝ่าวิกฤต พร้อมฟื้นตัว

ลดต้นทุน / เพิ่มอัตรากำไร พิสูจน์แล้วเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผล

จากการประชุมนักวิเคราะห์ ประเด็นที่ฝ่ายวิจัยฯประเมินไว้ในบทวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ว่าจะเป็น Catalyst สำคัญที่พลิกฟื้นผลการดำเนินงานของ ILM คือ กลยุทธ์ "ลดต้นทุนตัดรายจ่าย / เพิ่มอัตรากำไร" ซึ่งเห็นผลแล้วใน 3Q63 ที่ลดลงถึง -17.1% YoY (แม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +6.9% QoQ เป็นผลจากค่าใช้จ่ายการกลับมาเปิดสาขา) ซึ่งผู้บริหารเผยการลดจำนวนพนักงานและตัดต้นทุนภายในจะทำให้เกิดฐานของค่าใช้จ่ายใหม่ที่ลดลงมากเมื่อเทียบกับในอดีต

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q63 เพิ่มขึ้นเป็น +49.6% จาก 41.9%และ 44.9% ใน 2Q63 และ 3Q62 ตามลำดับ เป็นผลจาก i) การลดจำนวนพนักงานในโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ขณะที่ยังสามารถรักษาประสิทธิภาพการผลิตได้ และการเพิ่มระบบอัตมัติเข้ามาในสายการผลิต ii) การปรับ Product mix โดยเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่มีอัตรากำไรสูง และ iii) การปรับโปรโมชั่นการขายใหม่ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้เราคาดว่า ILM จะยังยึดแนวทางนี้ใน 4Q63 (แต่เรากำหนดสมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยมว่าอัตรากำไรขั้นต้นใน 4Q63 จะลดลงเป็น 46.2%) รวมทั้งโอกาสในการรับอานิสงส์จากโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ที่จะช่วยเร่งยอดขายในปลายปีนี้อีกทางหนึ่ง เราจึงปรับประมาณการฯปี 2563 ขึ้น +29% เป็น 475 ล้านบาท และปรับปี 2564 ขึ้น +11.5% เป็น 526 ล้านบาท

หาพันธมิตร: เพิ่มยอดขายโดยลงทุนเปิดสาขาเองให้น้อยที่สุด

ILM เริ่มต้นหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเพิ่มยอดขายในช่องทางต่างๆ อาทิ ช่องทางออนไลน์ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ NocNoc.com (แพลตฟอร์มออนไลน์ตลาดวัสดุและตกแต่งบ้านครบวงจร) การเป็นพันธมิตรกับ Landy Home (ผู้รับเหมาสร้างบ้านอันดับ 1 ของไทย) การเป็นพันธมิตรกับร้านค้าปลีกอย่างบุญถาวร เป็นต้น

ซึ่งเราประเมินว่าการหาพันธมิตรทางธุรกิจนี้ จะเป็นช่องทางการเพิ่มยอดขายให้กับ ILM โดยประหยัดเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่ ที่อาจมีความเสี่ยงในเรื่องของต้นทุนคงที่ ที่ต้องแบกรับ (ปัจจุบันค่าเสื่อมราคาของ ILM สูงถึง 700 - 800 ล้านบาท/ปี)

แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 19.0 บาท/หุ้น

แม้เราจะปรับประมาณการฯปี 2563 - 64 ขึ้น แต่เนื่องจากเราใช้วิธี DCF ที่เป็นการหา Valuation ในระยะยาว ทำให้การปรับประมาณการฯ กระทบต่อราคาเหมาะสมไม่มากนัก โดยราคาเหมาะสมใหม่หลังการปรับประมาณการฯเท่ากับ 19 บาท (DCF, WACC 8.5%, Terminal growth 3%) โดย ณ ระดับราคาเหมาะสมที่เราประเมินจะคิดเป็น Forward PE ปี 2564 เท่ากับ 18.2 เท่า (ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ)