‘สาธิต’ซื้อรพ.บำรุงราษฎร์ ผนึกPRINCลุยต่างจังหวัด

‘สาธิต’ซื้อรพ.บำรุงราษฎร์  ผนึกPRINCลุยต่างจังหวัด

“สาธิต วิทยากร” ผู้ถือหุ้นใหญ่ "พริ้นซิเพิล แคปิตอล" กู้แบงก์เกียรตินาคิน ทุ่ม 9.3 พันล้านบาท ซื้อหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์"ล็อตแรก 90.50 ล้านหุ้น เร่งเจรจาแบงก์ปิดดีลล็อต 2 ภายในสิ้นปีนี้

เผยเหตุเข้าซื้อหุ้นเพื่อหวังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับโรงพยาบาลในเครือ ผนึกพลังลุยสถานพยาบาลต่างจังหวัด มั่นใจได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่ดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้(25พ.ย.) มีการทำรายการซื้อขายหุ้น บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH  ผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot)จำนวน 90.50 ล้านหุ้น คิดเป็น 11.37% ของหุ้นที่จดทะเบียน ในราคาเฉลี่ยหุ้นละ 103 บาท มูลค่ารวม 9,321.50 ล้านบาท 

สำหรับการขายบิ๊กล็อตดังกล่าวเป็นการขายหุ้นของ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ครั้งที่ 1 หลังจาก BDMS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า BDMS ได้เข้าทำสัญญาขายหุ้น BH ที่บริษัทถืออยู่ 180,715,806 หุ้น หรือ 22.71% ให้กับผู้ซื้อในราคาหุ้นละ 103 บาท คิดเป็นมูลค่า 18,613.70 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 90,215,806 หุ้น หรือ 11.34% คาดว่าจะซื้อขายแล้วเสร็จในเดือนธ.ค.2563 ทำให้ภายหลังจากหุ้นดังกล่าว BDMS ไม่เหลือถือหุ้นใน BH ต่อไป

“สาธิต”ผู้ถือหุ้นใหญ่PRINCซื้อ 

นายสาธิต วิทยากร ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เปิดเผยว่า ตนจะเข้าไปซื้อหุ้น BH จาก BDMS ของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ จำนวน 180,715,806 หุ้น หรือ 22.71% ให้กับผู้ซื้อในราคาหุ้นละ 103 บาท คิดเป็นมูลค่า 18,613.7 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อในนามส่วนตัว

โดยวานนี้ได้ทำการรายการซื้อหุ้น BH  ล็อตแรกแล้ว บนกระดานบิ๊กล็อต จำนวน 90.50 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 11.34% ซึ่งที่ผ่านมาส่วนตัวถือหุ้น BH จำนวน 77,100 หุ้น คิดเป็น 0.0096% ทำให้ภายหลังการซื้อหุ้นครั้งนี้ ตนถือหุ้น BH เพิ่มเป็น 90.57 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 11.38%

ทั้งนี้แหล่งเงินที่มาซื้อหุ้นดังกล่าวนั้นได้กู้ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารพาณิชย์อีก 1 แห่ง เพื่อที่จะขอกู้เงินในการซื้อหุ้น BH ส่วนที่เหลือ อีก 90.21 ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะทำการซื้อขายเสร็จภายในสิ้นปีนี้ 

หวังSynergyกับรพ.พริ้นซ์

 ส่วนสาเหตุที่เข้าซื้อหุ้น BH ครั้งนี้ เนื่องจากมองเห็นโอกาสที่จะสมารถทำงานร่วมกัน (Synergy) และได้กับบริษัทที่ตนเองถือหุ้นอยู่คือ PRINC ซึ่งประกอบธุรกิจธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลจำนวน 11 แห่ง ที่จะเข้าเป็นพันธมิตรที่ดีกับทาง BH ในการเสริมการดำเนินธุรกิจ เช่น ความร่วมมือด้านบุคคลากร เพราะ BH มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจำนวนมาก สามารถที่จะเข้ามาให้บริการในสถานพยาบาลของบริษัทได้ และหากมีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาโรคที่มีความซับซ้อน หรือรุนแรง PRINC ก็จะมีการส่งตัวให้เข้ารักษาพยาบาลที่ BH ต่อไป  

รวมถึงเป็นยังเป็นการขยายธุรกิจร่วมกัน สามารถเข้ามาตั้งศูนย์ให้บริการเฉพาะทางในโรงพยาบาลของ PRINC ที่กระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้  ส่วนจะมีการร่วมกันตั้งโรงพยาบาลร่วมกันต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง
“ในข้อเท็จจริง ตนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ PRINC ได้เป็นผู้เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จากกลุ่มหมอปราเสริฐ เป็นการซื้อในนามส่วนตัว ในรูปแบบ ”Friendly deal“ เป็นการซื้อเพื่อลงทุน และเชื่อมั่นในศักยภาพของ BH” 

2 สัปดาห์เจรจาสำเร็จ

นอกจากนี้คาดว่าหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย สามารถกลับมาเดินทางระหว่างประเทศได้มีกลุ่มค้าชาวต่างชาติก็จะกลับมา เชื่อว่าผลการดำเนินงานของ BH ก็จะกลับมาเติบโตต่อเนื่องได้จากปีนี้ ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบกับคาดหวังว่าการเข้าลงทุนครั้งนี้จะสร้างผลตอบแทนจากเงินลงทุนที่ดีให้กับตนเอง เพราะ  BH จ่ายเงินปันผลที่ดี ส่วนอนาคตว่าจะมีการควบรวมกันหรือไม่ระหว่าง PRINC กับ BH ยังไม่สามารถตอบได้ขณะนี้เพราะยังเร็วเกินไปที่จะตอบได้     

   “BDMS เขาต้องการขายหุ้น  BH ออกมาโดยให้ทางที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บล.เกียรตินาคินภัทร ทำดีลในการขายหุ้นครั้งนี้ ซึ่งพอตนเองทราบสนใจ เพราะที่ผ่านมา PRINC ก็ทำงานร่วมกับ  BH อยู่แล้ว และการเข้าไปถือหุ้นครั้งนี้ของตนเอง ก็จะช่วยให้เกิดผลดีกับ PRINC ที่ตนเองถือหุ้นอยู่ที่จะมีความร่วมมือทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งดีลนี้ใช้เวลาเจรจากันประมาณ 2 สัปดาห์”  

PRINCคงเป้ารพ. 20 แห่ง

ส่วนกรณีที่ไม่ใช้ PRINC เข้าไปซื้อหุ้น BH ครั้งนี้ เพราะ PRINC ยังมีแผนในการขยายธุรกิจตัวเอง ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนที่สูงในการขยายโรงพยาบาลให้ถึง 20 แห่ง จากปัจจุบันที่มี 11 แห่ง และเปิดคลินิกทั่วประเทศ 100 แห่งในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมระหว่างภูมิภาค ซึ่งจะต้องใช้เงินประมาณ 4,500 ล้านบาท 

  ปัจจุบัน PRINC โรงพยาบาลในเครือข่ายที่เปิดดำเนินการแล้วรวม 11 แห่ง ใน 10 จังหวัด ได้แก่ โรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1 และโรงพยาบาล พริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2 จังหวัดนครสวรรค์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี

โรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โรงพยาบาลพิษณุเวช พิจิตร จังหวัดพิจิตร โรงพยาบาล ศิริเวชลำพูน จังหวัดลำพูน โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จังหวัดชุมพร โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ และ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี

ผนึกกำลังตั้งศูนย์รักษามะเร็ง

ที่ผ่านมา PRINC ร่วมมือกับ Bumrungrad Health Network ตั้งศูนย์ความเป็นเลิศรักษาโรคเฉพาะทางในด้านต่าง ๆ เช่น โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ที่เปิดศูนย์กระดูกสันหลัง Absolute Spine Care และศูนย์ข้อเข่าและข้อสะโพก Joint Surgery Center รองรับการขยายตัวกลุ่มผู้ใช้บริการในพื้นที่สมุทรปราการ (บางนา) และกรุงเทพฝั่งตะวันออกซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดี

อย่างไรก็ตามในวันจันทร์ที่ 30 พ.ย. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ โรงพยาบาลพริ้นซ์  จะมีการแถลงข่าว The Future of Thailand’s Healthcare  บำรุงราษฎร์ ร่วมผนึกกำลัง พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ชูโมเดล ‘Bumrungrad Health Network’ ตั้งศูนย์มะเร็งแห่งภาคอีสานและภาคเหนือตอนล่าง 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุ  BDMS ประกาศขายหุ้น BH ที่ถือ 22.7% ในฐานะที่เป็นบริษัทร่วมหุ้นละ 103 บาท โดยแบ่งขาย 2 ครั้ง คือ ราว 11.37% วันที่ 25 พ.ย.63 และส่วนที่เหลือ 11.34% ในธ.ค.2563 รวมมูลค่า 1.86 หมื่นล้านบาท ฝ่ายวิจัยประเมินเป็นบวกต่อ BDMS จากการบันทึกกำไรพิเศษ 1.1 พันล้านบาท (สุทธิหลังภาษี)และได้เงินทุนหมุนเวียนเข้ามาเบื้องต้นคาดนำไปใช้คืนหนี้ และขยายธุรกิจ ช่วยชดเชยส่วนแบ่งกำไรจาก BH                   
นอกจากนี้ ในด้าน BDMS ยังเห็นปัจจัยบวกผลดำเนินงานที่ยังฟื้นตัวดีกว่าคาด โดยปัจจุบันรายได้รวมพ.ย.2563 ที่ลดลงเพียง 8%-10% สะท้อนผู้ป่วยไทย (คิดเป็น15% ของรายได้) กลับมาทรงตัวได้แล้ว รวมถึงความคืบหน้าวัคซีนล่าสุด หนุนโอกาสที่กลุ่มผู้ป่วย Flyin(15% ของรายได้) จะฟื้นได้เร็ว ภาพรวมจึงปรับประมาณการปี 2563-6254 ขึ้น 17.3% และ 16.9% เพื่อสะท้อนข้อมูลดังกล่าว คาดกำไรปี 2563 ลดลง 33.5% แต่เติบโตสูง 28.6% ในปี 2564 มูลค่าพื้นฐานปี 2564 ใหม่ ที่ 24 บาท ยังมี Upside ลงทุนได้ แนะนำ ซื้อ

สำหรับด้าน BH เชื่อว่าจะยังเป็น Sentiment ลบต่อราคาหุ้น จากราคาที่ BDMS ขาย ยังต่ำกว่าราคาตลาด 10.4% ประกอบกับอาจเป็นการส่งสัญญาณถึงความกังวล BDMS ต่อแนวโน้มธุรกิจ BH ระยะถัดไป โดยฝ่ายวิจัยประเมินอาจจะมาจากเรื่องการแข่งขันกับโรงพยาบาลคู่แข่ง คือโรงพยาบาล Med park ที่เพิ่งเปิดในช่วงไตรมาส 3 ปี2563 ภาพรวมจึงยังคงคำแนะนำ เปลี่ยนไปลงทุนหุ้นตัวอื่น 

ทั้งนี้จากกระแสข่าวที่ผู้ซื้อหุ้นเป็นกลุ่ม PRINC ปัจจุบัน BH มีโครงการพันธมิตรศูนย์ CoE ข้อต่อและกระดูกในโรงพยาบาลพรินซ์สุวรรณภูมิ 1 แห่ง น่าจะเป็นผลดีในด้านการร่วมมือทางธุรกิจที่อาจเพิ่มมากขึ้น

   อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามความชัดเจนในด้านผู้ที่เข้าซื้อกิจการ รวมถึงแผนการสร้าง Synergy ที่ชัดเจนกับทาง BH ก่อน ราคาปัจจุบันยังสูงกว่ามูลค่าพื้นฐานที่ 94 บาท จึงยังให้ Switch ไปก่อน     

ราคาหุ้น BH วานนี้ ปิดตลาดที่ 121 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท โดยต่ำสุดของวันที่ 112.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,261 ล้านบาท ส่วน BDMS ปิดที่ 22.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง แต่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 1,734 ล้านบาท ขณะที่หุ้น PRINC ปิดในแดนบวก ปิดที่ 3.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 3% มูลค่าการซื้อขาย 51 ล้านบาท