‘มาเลเซีย’ ตรวจโรงงาน 'ท็อป โกลฟ' ติดโควิดกว่า 1,500 ราย

‘มาเลเซีย’ ตรวจโรงงาน 'ท็อป โกลฟ' ติดโควิดกว่า 1,500 ราย

“มาเลเซีย” สั่งตรวจโรงงาน ‘ท็อป โกลฟ’ บริษัทผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่สุดในโลก พบติดโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนใหญ่ มากกว่า 1,500 รายในรัฐสลังงอร์

รัฐบาลมาเลเซีย ได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานดำเนินการอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยในโรงงานต่างๆ ของบริษัท ท็อป โกลฟ ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่สุดของโลก หลังพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในหมู่คนงาน จนทำให้โรงงานของท็อป โกลฟกลายเป็นพื้นที่ที่มีการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียระบุว่า เฉพาะที่โรงงานและหอพักคนงานของท็อป โกลฟ ในเมืองเมรู พบการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนจำนวนมากถึง 1,511 ราย จากยอดติดเชื้อโดยทั้งหมด 1,623 รายในรัฐสลังงอร์ในวันอังคารที่ผ่านมา หรือคิดเป็นอัตราส่วนสูงถึง 93.1% ของยอดติดเชื้อทั้งหมดในรัฐ

ดาโต๊ะ เสรี ซาราวานัน รัฐมนตรีทรัพยากรบุคคลของมาเลเซียเปิดเผยว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติของมาเลเซีย (NSC) ได้ตัดสินใจใช้มาตรการเต็มพิกัดเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบบกลุ่มก้อนซึ่งมีแหล่งที่มาจากโรงงานของบริษัทท็อป โกลฟ โดยทางรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยของคนงานในโรงงาน ซึ่งคาดว่าภารกิจครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ และจะดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย

“นี่เป็นเรื่องของชีวิตและความเป็นความตายของคนงานที่กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง เราต้องควบคุมเรื่องนี้ให้ได้ และจะไม่มีการประนีประนอม กระทรวงแรงงานจะต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า นายจ้างมีความรับผิดชอบต่อสภาพการทำงานและการอยู่อาศัยของคนงาน และเราจะใช้มาตรการที่เด็ดขาดตามกฎหมาย” ดาโต๊ะ ซาราวานันกล่าว 

มีรายงานว่า ท็อป โกลฟมีพนักงานกว่า 21,000 รายซึ่งสามารถผลิตถุงมือได้ในปริมาณ 9 หมื่นล้านชิ้นต่อปี ในสายการผลิตอยู่ มาเลเซีย ทั้งหมด 750 แห่ง

รัฐบาลมาเลเซียจะทยอยปิดโรงงานของทางบริษัทซึ่งมีทั้งหมด 28 อาคาร หลังพบพนักงานติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก ซึ่งการสั่งปิดโรงงานได้เพิ่มแรงกดดันให้กับบริษัทท็อป โกลฟ โดยราคาหุ้นของบริษัททรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนนี้นับตั้งแต่มีข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19