"ชัยชาญ" แจงกลางสภาฯ แค่ป้องกันแนวกั้น ไม่ใช่สลายชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อ17พฤศจิกายน

      พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงกระทู้ถามสดของนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ต่อเหตุการณ์ชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน และการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ที่พบว่ามีการใช้ความรุนแรงกับประชาชน อาทิ ใช้น้ำผสมแก๊ส หรือ สารเคมี ฉีดด้วยแรงดันสูงใส่ผู้ชุมนุม ว่า ในวันดังกล่าวไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านแนวป้องกันพื้นที่ควบคุมโดยรอบรัฐสภา ที่ตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมกำหนดระยะ 50 เมตรจากพื้นที่ควบคุม คือ อาคารรัฐสภา ทั้งนี้การตั้งแนวดังกล่าวเพื่อรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่และสมาชิกรัฐสภา ทั้งนี้การปฏิบัติการนั้นเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบ ผู้คุมเหตุการณ์สั่งการไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง เลี่ยงการปะทะ เมื่อผู้ชุมนุมผ่านแนวป้องกันพื้นที่ควบคุม ตำรวจจึงร่นถอยเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า

      พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงด้วยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ 55 ราย ถูกยิงจากกระสุนจำนวนหนึ่ง ซึ่งสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)  พิสูจน์ทราบตัวบุคคลและดำเนินคดีกับบุคคลทุกกลุ่ม โดยล่าสุดนั้นอยู่ระหว่างการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม

      “น้ำในรถไม่ได้ผสมแก๊ส แต่ในราละเอียดหากน้ำผสมไม่เกิน 3% จำนวนนี้ผู้ชุมนุมได้รับผลกระทบจากน้ำผสมแก๊สน้อยที่สุด ส่วนที่เก็บตัวอย่างน้ำ และมีองค์ประกอบสารเคมีหลายชนิดนั้น เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าได้ตรวจสอบแล้วเช่นกัน ผมยืนยันว่าได้ดำเนินการตามแผน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำกับเจ้าหน้าที่ควบคุมการชุมนุมให้เลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์และตามหลักสากล รวมถึงพ.ร.บ.ชุมนุม  ส่วนการทำงานนั้นต้องรอบคอบ และกระทบกับผู้ชุมนุมน้อยที่สุด รวมถึงเตรียมทีมแพทย์เพื่อดูแลผู้ได้รับผลกระทบ” พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจง

      ทั้งนี้นพ.ชลน่าน ถามย้ำด้วยว่าการกระทำกับผู้ชุมนุมนั้นขัดต่อหลักการสากล และต่างชาติไม่เห็นด้วย ทั้งนี้มีหรือไม่ที่ต่างประเทศขึ้นบัญชีดำประเทศไทย ทั้งนี้ประเด็นที่เกิดขึ้นอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนข้อเสนอให้นายกฯ ลาออก ทำไมถึงรับข้อเรียกร้องไม่ได้ และทำไมนายกฯ ไม่ยอมเสียสละเพื่อบ้านเมือง

      รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า สิทธิชุมนุมการแสดงความเห็น ทั้งเห็นด้วยหรือคัดค้านทำได้ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ทั้งนี้การใช้สิทธิเสรีภาพต้องไม่กระทบบุคคลอื่น ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการเน้นการปฏิบัติให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง ซึ่งการปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ใช้การเจรจาและถอยเพื่อลดการเผชิญหน้าให้มากที่สุด ส่วนคำถามต่อปฏิกิริยาของต่างประเทศนั้น เท่าที่ทราบไม่มี 

      “คำถามที่ว่านายกฯ​จะลาออกหรือไม่ ผมฐานะผู้แทนตอบเรื่องการชุมนุม ส่วนการพิจารณานั้นอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายกฯ ต่อการพิจารณาว่าจะทำอย่างไรต่อไป” พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจง.