สินเชื่อทะเบียนรถเดือด รายใหญ่พร้อมลดดอกเบี้ยสู้ ‘ออมสิน-ศรีสวัสดิ์’

สินเชื่อทะเบียนรถเดือด  รายใหญ่พร้อมลดดอกเบี้ยสู้ ‘ออมสิน-ศรีสวัสดิ์’

เรียกได้ว่า​ออกตัวแรงสะเทือนวงการ​ สำหรับการจับมือร่วมลงทุนในธุรกิจจำนำทะเบียนรถระหว่างธนาคารออมสิน​ ซึ่งเป็นหนึ่งในแบงก์รัฐที่มีฐานลูกค้ารายย่อยหลายล้านรายอันดับหนึ่งของประเทศ​ กับ​ บริษัท​ เงินสดทันใจ​ จำกัด​

ซึ่งเป็นบริษัทลูกของศรีสวัสดิ์​ ผู้ประกอบธุรกิจจำนำทะเบียนรถที่มีมาร์เก็ตแชร์อันดับสองในตลาด ผลกระทบต่อผู้เล่นในตลาดรายเดิมนั้น แรงไม่แรง​นั้น​ ถึงขนาดเกิดกระแสข่าวว่า​ มีนายทุนใหญ่จากธุรกิจนี้จ้องที่จะล้มดีล​ โดยล็อบบี้ผ่านบอร์ดของธนาคารออมสินกันเลยทีเดียว

เพราะการจับมือระหว่าง2เจ้าใหญ่ครั้งนี้ ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะมาพร้อมอาวุธครบมือ โดยเฉพาะอาวุธด้าน “ดอกเบี้ย” ที่เคลมว่า จะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพียง 18 % จากเดิม 24% ซึ่งจะเริ่มให้บริการได้ในต้นปีหน้า 

       ด้านแหล่งข่าวธุรกิจจำนำทะเบียน มองว่า  หากออมสินและศรีสวัสดิ์ สามารถกดดอกเบี้ยลงมาที่18% ได้จริง เชื่อว่า ทุกบริษัทคงพร้อมลดดอกเบี้ยลงมาแข่งขัน ทำให้ “สงครามราคา” เกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งการที่มีผู้เล่นรายใหม่ในตลาดเพิ่มขึ้น ถือเป็นผลดีต่อประชาชน คงต้องติดตามดูว่าจะกดดอกเบี้ยได้จริงหรือไม่ เพราะตอนนี้แค่มีผลในเชิงจิตวิทยาทางธุรกิจเท่านั้น

ขณะเดียวกันมองว่า คงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดภาพรวม หรือ สามารถกดดันดอกเบี้ยในตลาดลงได้ในทันทีทันควัน เพราะปกติแล้วลูกค้าของแต่ละบริษัทจะมีคาแรคเตอร์ลักษณะเฉพาะของตัวเอง ที่ทุกวันนี้แต่ละบริษัทดูแลรักษาฐานลูกค้าตัวเองอย่างดี ทั้งในเรื่องดอกเบี้ยพิเศษ และบริการอนุมัติวงเงินเร็วกันอยู่แล้ว

ที่สำคัญดอกเบี้ยจำนำทะเบียนในตลาดปัจจุบัน คิดเฉลี่ยที่ 20% ซึ่งการลดดอกเบี้ยลงมา 2% แทบจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ากลุ่มนี้นัก ด้วยวงเงินกู้จำนำทะเบียนที่ไม่ได้สูงมาก เช่น รถจักรยานยนต์ เฉลี่ยอยู่ที่30,000-50,000 บาทต่อราย หรือรถการเกษตร เฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 บาทต่อราย ในกลุ่มนี้ดอกเบี้ยยิ่งต่ำกว่ารถจักรยานยนต์ หรือหากเป็นกลุ่มลูกค้าเดิม ประวัติดีให้ดอกเบี้ยพิเศษไม่เกิน18% ก็มี

ปัจจุบันภาพรวมตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียน ทั้งที่ขึ้นและไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับธปท. ทั้งธุรกิจในเครือแบงก์และนอนแบงก์ มีกว่า20-30ราย วงเงินสินเชื่อมากกว่า 200,000 ล้านบาท มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ชูชาติ เพ็ชรอำไพ”  ประธานกรรมการบริหารบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ระบุว่า บริษัทพร้อมแข่งขันทุกรูปแบบ เพื่อรักษาคุณภาพหนี้ได้ดี ปัจจุบันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ ไม่เกิน1% ดังนั้น สามารถลดดอกเบี้ยลงมาแข่งขันในกลุ่มที่ NPLต่ำได้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ต้องรอประเมินผู้เล่นรายใหม่ที่เริ่มปีหน้าก่อนว่า มีความสามารถในการทำตลาดได้จริงหรือไม่

“บริษัทไม่ได้มีความกังวลอะไร เนื่องจากบริษัทมีจุดแข็งฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นกว่า3ล้านราย เมื่อเทียบกันแล้วที่ดอกเบี้ยระดับ 18% ตรงนี้บริษัทมีเข้าไปดูแลและช่วยเหลือแบ่งเบาภาระลูกค้าได้และมีจำนวนสาขาบริการทั่วประเทศ และยังสามารถหารายได้เพิ่มจากสินเชื่อประเภทอื่นที่ดอกเบี้ยสูงกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียน เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อบุคคล”

“พูนศักดิ์ บุญสาลี” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า  แม้มีผู้เล่นรายใหม่แต่ก็เป็นรายเดิม ซึ่งบริษัทพร้อมแข่งขัน หากดอกเบี้ยตลาดปรับลงมาจริงในปีหน้า ก็มีโอกาสพิจารณาลดดอกเบี้ยของตัวเอง ลงมาแข่งขันได้เช่นกัน เนื่องจากยังคุม NPLได้ดี โดยคาดไม่เกิน2% ในปีนี้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอประเมินสถานการณ์ในปีหน้าก่อน

“กฤติยา ศรีสนิท” ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงเดินหน้าตลาดสินเชื่อเช่าซื้อและตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีคู่แข่ง ทางการตลาดเพิ่มขึ้นก็ตาม ธนาคารเชื่อมั่นที่จะสามารถรับมือได้ โดยไม่ต้องแข่งขันกันด้วยเรื่องดอกเบี้ย เนื่องจากธนาคารมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครอบคลุมตามความต้องการของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

“แม้ว่าจะมีคู่แข่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างธนาคารออมสินที่ลงมารุกตลาดจำนำทะเบียนรถยนต์ เราก็ไม่มีความกังวล เพราะโดยปกติก็มีการแข่งขันกันตามปกติในระดับสูงอยู่แล้ว แต่ยอดอนุมัติสินเชื่อของเราก็อยู่ในระดับสูง80% เหมือนเดิม เพราะลูกค้าที่เข้ามาหาเราก็มีความสามารถในการสินเชื่อของเราอยู่แล้ว”

นายวรพงศ วงษ์กะพันธ์ ผู้จัดการ ธุรกิจสินเชื่อ  "เคทีซี พี่เบิ้ม" กล่าวว่า การแข่งขันธุรกิจจำนำทะเบียนรถปีหน้าคาดว่าจะดุเดือด เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มขึ้น และลดอัตราดอกเบี้ยลง

ทั้งนี้บริษัทไม่กังวล และจะไม่มีการลดดอกเบี้ยลงเพื่อแข่งขัน เพราะฐานลูกค้าแตกต่างกัน และบริษัทเน้นเรื่องบริการ ความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งหากมีลูกค้่ติดต่อสนใจขอสินเชื่อ บริษัทจะมีเจ้าหน้าที่ไปหาลูกค้า และสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ภายใน 2 ชั่วโมง และบริษัทให้วงเงินสูงสุดที่ 7 แสนบาทต่อราย ส่วนอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 21-24%

สำหรับปีหน้าบริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อในปีหน้าอยู่ที่ 1พันล้านบาท

นับว่าน่า “จับตา” เพราะ หากผู้ให้บริการ สามารถกดดอกเบี้ยให้ต่ำลงได้จริงๆ เชื่อว่า จะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับธุรกิจ “จำนำทะเบียนรถ” ไม่น้อย อาจเห็นการแข่งขันในตลาด“จำนำทะเบียน”กลับมาแข่งขันกันดุเดือนเลือดพล่าน ในด้านดอกเบี้ย เพื่อแย่งชิงมาร์เก็ตแชร์