'ตำรวจ' ยังไม่เร่งดำเนินคดีอาญา 112

'ตำรวจ' ยังไม่เร่งดำเนินคดีอาญา 112

ตำรวจ ยังไม่เร่งดำเนินคดีอาญา 112 ต้องพิจารณาให้รอบคอบและรอผู้บังคับบัญชาพิจารณา เบื้องต้น ขอเน้นข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายชุมนุมสาธารณะ

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการดูแลการชุมนุมกลุ่มนักเรียนเลวบริเวณแยกราษฎร์ประสงค์ในวันพรุ่งนี้ว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดเตรียมกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนผลัดละ 6 กองร้อย หรือประมาณ 900 คน สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันจำนวน 3 ผลัด โดยมีกองร้อยน้ำหวานหรือกำลังควบคุมฝูงชน ซึ่งเป็นตำรวจหญิงมาดูแลเยาวชนที่มาร่วมการชุมนุม นอกจากนี้มีผู้พิพากษาสมทบจากศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมาร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมดังกล่าว ส่วนการยื่นขออนุญาตชุมนุมนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการขออนุญาตยื่นการชุมนุมกับทางเจ้าพนักงานผู้ดูแลรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะแต่อย่างใด 

เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวที่จะมีการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กับผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหมือนเฟคนิวส์ (fake news) โดยมีกลุ่มที่เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 4 คน มารับทราบข้อกล่าวหาคดีฝ่าฝืนการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะเท่านั้น ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112กับกลุ่มดังกล่าวแต่อย่างใด 

ส่วนกรณีที่สมาชิกกลุ่มนักเรียนเลวมีการโพสต์ภาพหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 30 พ.ย. ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ปิยะ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเรียกไป เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 แต่เป็นการเรียกไปเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามกฎหมายชุมนุมสาธาณะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 แต่อย่างใด ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานทางอัยการ เจ้าหน้าที่พิทักษ์สิทธิเด็กและเยาวชน ผู้ปกครองร่วมสอบปากคำเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ โดยที่ไม่มีการใช้ความรุนแรงกับเด็กและเยาวชนอย่างแน่นอน 

ส่วนจะมีการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กับกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย หากมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย โดยเฉพาะมาตรา112 ต้องมีการดำเนินการพิจารณาส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา ซึ่งทางบช.น.ไม่สามารถดำเนินการเองโดยลำพังได้ แต่ต้องมีการพิจารณาเป็นรูปแบบคณะกรรมการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะเป็นผู้กำหนดแนวทางในการดำเนินคดีกรณีดังกล่าว 

ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่าชายสวมเสื้อชมพูเป็นกลุ่มเสื้อเหลือง พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดของชายใส่เสื้อชมพูที่ใช้อาวุธปืนยิงดังกล่าวยืนยันว่าอยู่ในกลุ่มของการ์ดกลุ่มผู้ชุมนุมราษฎรไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองแต่อย่างใด เนื่องจากพบว่ามีการพูดคุยกันกับทางกลุ่มการ์ดของกลุ่มราษฎร นอกจากนี้ยังมีคนคอยระวังหลังหรือชุดโคฟเวอร์ แต่เป็นไปได้ว่าระหว่างที่ใช้อาวุธปืนยิงออกไปนัดแรกเกิดพลาด ทำให้วิถีกระสุนหันเข้ามาหาทางฝั่งเดียวกัน ก่อนที่จะยิงต่ออีก 2-3 นัด ไปยังฝั่งกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง ยืนยันว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถเข้าไปยังบริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้แต่อย่างใด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกลุ่มเสื้อเหลืองอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มราษฎร ส่วนการดำเนินคดีผู้ชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภานั้น คาดว่าจะมีผู้ถูกดำเนินคดีประมาณ 14 ราย ส่วนใหญ่เป็นแกนนำที่ปราศรัยการชุมนุมกลุ่มราษฎร ส่วนกรณีชายเสื้อสีชมพูใช้อาวุธปืนยิงระหว่างการปะทะแยกเป็นอีกกรณีหนึ่ง ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป