‘โบรก’จ่อเพิ่มเป้ากำไรบจ.ปีหน้า หลังงบไตรมาส 3 ปี 63 ออกมาดีกว่าคาด

‘โบรก’จ่อเพิ่มเป้ากำไรบจ.ปีหน้า  หลังงบไตรมาส 3 ปี 63 ออกมาดีกว่าคาด

บล.ทิสโก้ เผยกำไรบจ.ไตรมาส 3 / 63 ที่ 1.47 แสนล้าน ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาด 6%  คาดโบรกเตรียมแห่ปรับเพิ่มเป้ากำไรบจ.ปีหน้า เหตุ เศรษฐกิจ-การค้าโลกฟื้นตัว ดันดัชนีปีหน้าแตะ 1,500 จุด  แต่ระยะสั้นตลาดผันผวน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด  เปิดเผยว่า จากการสำรวจผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ไตรมาสที่ 3 ปี 2563 พบว่า บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1.47 แสนล้านบาท ลดลง 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  เนื่องจากเพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  แต่ถือว่าฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง 23% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังรัฐบาลควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี มีการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2563 ที่ประกาศออกมากับประมาณการของตลาดจำนวน 166 บริษัท ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนดีกว่าคาด 6% โดยมีสัดส่วนบริษัทที่มีงบดีกว่าคาด 52% งบออกมาตามคาด 20% และแย่กว่าคาด 28%  ด้วยงบไตรมาส 3 ปี 2563 ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด และแนวโน้มการหั่นประมาณการกำไรของตลาดโดยรวมล่าสุดเริ่มทรงตัวแล้ว 

ดังนั้นจึงประเมินว่าในอนาคตนักวิเคราะห์ในตลาดมีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนได้จาก 3 ปัจจัยบวก ได้แก่ ตัวเลข GDP ไทยในไตรมาส 3 ปี 2563 หดตัวเพียง 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งถือว่าดีกว่าที่ บล.ทิสโก้คาดว่าจะติดลบ 10% และดีกว่าที่ตลาดคาดที่ติดลบ 8.8% ตามลำดับ ประกอบกับสัญญาณการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของการค้าโลก คาดจะทำให้ตลาดมีการทยอยปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจขึ้น

รวมถึงความชัดเจนของผลการเลือกตั้งสหรัฐที่ “ไบเดน” ชนะการเลือกตั้งตามที่ประเมินไว้ น่าจะเป็นผลดีต่อการค้าและเศรษฐกิจโลก และ ความหวังวัคซีนที่ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น จะช่วยหนุนภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจปีหน้าได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะไทยที่มีความอ่อนไหวกับภาคต่างประเทศค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ บล.ทิสโก้มองว่า การปรับประมาณการเศรษฐกิจและกำไรขึ้นจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของดัชนีหุ้นไทย ในปีหน้า โดยยังคงเป้าหมายดัชนี 1,500 จุด อิงจาก ระดับ P/E ระยะยาวในอดีตที่ 16 เท่า หรือมีโอกาสปรับขึ้น (Upside) ประมาณ 10% จากระดับราคาหุ้นปัจจุบัน ส่วนดัชนีปีนี้ คงที่ 1,370 จุด  ใกล้เคียงกับผลสำรวจความเห็นของ IAA เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ประเมินเป้าหมาย SET Index สิ้นปีนี้ไว้เฉลี่ยที่ 1,347 จุด 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น บล.ทิสโก้จึงแนะนำให้นักลงทุนหาจังหวะขายล็อกกำไรช่วงราคาหุ้นปรับขึ้น รอย่อตัวซื้อคืน เพราะมองว่าโอกาสการปรับขึ้นสำหรับการลงทุนระยะสั้นเริ่มจำกัด เพราะ แรงซื้อต่างชาติอาจขาดความต่อเนื่องจากปัจจัยถ่วงด้านการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะประเด็นการชุมนุมและการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะยืดเยื้ออีกเป็นปีและยังมีความไม่แน่นอนสูง  ดังนั้น คาดจะทำให้ตลาดหุ้นไทยเกิดความผันผวนเป็นระยะ

ในปีหน้าเงินทุนต่างชาติอาจไหลเข้าตลาดหุ้นไทยไม่ต่อเนื่องเท่าตลาดหุ้นในภูมิภาค เพราะมีปัจจัยทางการเมืองถ่วงอยู่