เปิดสาร 'สี จิ้นผิง' ถึง 'แจ็ค หม่า'
เปิดสาร “สี จิ้นผิง” ถึง “แจ็ค หม่า” โยงปมสกัดแผนไอพีโอ “Ant Group” ที่ทำให้หม่าสูญเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์ไปในชั่วพริบตา
บทวิเคราะห์ในเว็บไซต์เอเชีย นิกเคอิดอทคอม เขียนโดย “คัตสึจิ นากาซาวะ” ผู้สื่อข่าวอาวุโส กล่าวถึงภาพวาดพื้นสีน้ำเงินแต่งแต้มด้วยก้อนเมฆสีขาวที่มีรูปร่างเป็นม้าปรากฏบนท้องฟ้าของจิตกรชื่อดังชาวญี่ปุ่นนาม “คาอิ ฮิงาชิยามา” ที่รัฐบาลปักกิ่งมอบให้แก่ “แจ็ค หม่า หยุน” บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนว่า เป็นเหมือนคำเตือนที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ส่งตรงถึงเจ้าของอาณาจักรธุรกิจอี-คอมเมิร์ซว่า ตัวของแจ็ค หม่านั้นไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ เป็นแค่เมฆก้อนหนึ่งเท่านั้น
ในช่วงเย็นของวันที่2 พ.ย.ที่หม่าถูกทางการจีนเรียกตัวเข้าพบ มีบทความหนึ่งถูกโพสต์บนบัญชีวีแชท ซึ่งเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการของสำนักข่าวซินหัว โดยใช้พาดหัวว่า “อย่าพูดโดยไม่คิด อย่าทำตามอำเภอใจ ผู้คนไม่สามารถทำทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา”
ถึงแม้ว่า ไม่มีประโยคไหนกล่าวพาดพิงถึงหม่าโดยตรง แต่พาดหัวนี้มาพร้อมกับภาพวาดของจิตรกรชื่อดังชาวญี่ปุ่นตามที่กล่าวมาข้างต้น และในภาษาจีนคำว่า “หม่า” หมายถึงม้า และคำว่า “หยุน” หมายถึง“เมฆ” จึงเป็นที่ชัดเจนว่าบทความนี้หมายถึงใคร
“การทำทุกอย่างมีราคาค่างวดที่คุณต้องจ่ายเสมอ ถ้าคุณไม่มีเงินทุน ก็อย่าหวังว่าจะทำอะไรได้อย่างที่ต้องการ” หม่า กล่าวในโอกาสร่วมแชร์ประสบการณ์บนเวทีประชุมบันด์ ซัมมิต ในนครเซี่ยงไฮ้ ช่วงที่ผ่านมา
หลังจากบทความในสำนักข่าวซินหัวแพร่ออกไป ก็เกิดกระแสคาดการณ์ต่างๆ นานา เพราะในฐานะเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ หม่าจำเป็นต้องแสดงออกว่า มีความภักดีต่อระบบการปกครองของประเทศอย่างสูงสุด แต่ในความเป็นจริง กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
นักธุรกิจวัย 56 ปีผู้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซรายนี้ กลับวิจารณ์ระบบการเงินของจีนแบบไม่ยั้ง ถือเป็นการท้าทายเจตจำนงค์ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ที่นำโดยประธานาธิบดีสีโดยตรง
ช่วงกลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา หม่า วิจารณ์ระบบธนาคารของจีนอย่างรุนแรงบนเวทีประชุมทางการเงินในนครเซี่ยงไฮ้ โดยบอกว่า กฏเกณฑ์ในการกำกับกับดูแลธนาคารระดับโลกเป็น ชมรมคนชรา และว่า ความเสี่ยงเชิงระบบไม่ใช่ปัญหาในประเทศจีน แต่ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของจีนคือการขาดระบบนิเวศทางการเงิน แถมยังเปรียบเทียบระบบธนาคารจีนว่าเป็นเหมือนโรงรับจำนำ ที่ต้องใช้หลักประกันมูลค่าสูง ส่งผลให้บริษัทบางแห่งต้องตัดสินใจลงทุนให้ยิ่งใหญ่เข้าไว้และห้ามล้มเหลว
คำวิจารณ์ของหม่าครั้งนี้ เกิดขึ้นต่อหน้า “หวัง ฉีซาน” รองประธานาธิบดีที่กำกับดูแลระบบการเงินของจีนมานานหลายปี และคำวิจารณ์ของหม่ายังพุ่งเป้าไปที่ “หลิว เหอ” รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านนโยบายเศรษฐกิจมหัพภาค ซึ่งแน่นอนว่าการแสดงความเห็นอย่างดุเด็ดเผ็ดมันของหม่าถูกรายงานให้บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงและสมาชิกระดับอาวุโสในพรรคคอมมิวนิสต์ได้รับรู้โดยทั่วกัน
หลังจากคำวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนนี้แพร่สะพัดออกไปได้ไม่กี่สัปดาห์ วันที่ 2 พ.ย.หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินชั้นนำของรัฐบาลปักกิ่งก็เรียกตัวหม่าเข้าพบพร้อมทั้งแจ้งว่า หน่วยงานได้ออกร่างกฎระเบียบเกี่ยวกับการให้กู้ยืมรายย่อยทางออนไลน์ใหม่ โดยกำหนดข้อกำหนดด้านเงินทุนที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ส่งผลโดยตรงถึงกฎการดำเนินงานสำหรับธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคบางส่วนของ บริษัทแอนท์ กรุ๊ป โค ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอาลีบาบา กรุ๊ป
จากนั้นในวันอังคารที่ 3 พ.ย. ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ประกาศระงับรายชื่อไอพีโอของบริษัทแอนท์ โดยให้เหตุผลเรื่องการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบพร้อมระงับการเสนอขายหุ้นไอพีโอของ แอนท์ทั้งในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ถือเป็นการปิดฉากกำหนดเริ่มซื้อขายไอพีโอของแอนท์ในวันพฤหัสบดี (5 พ.ย.) แบบไม่ทันให้ตั้งตัว ส่งผลให้ราคาหุ้นของอาลีบาบาในนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก และทำให้หม่าสูญเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์ไปในชั่วพริบตา
ในความเป็นจริง สิ่งที่หม่าพูดก็ถูกต้องเพราะทุกวันนี้ ระบบธนาคารของจีนมักไม่ปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้กู้รายย่อย ซึ่งหน่วยงานจีนเรียกรวมๆว่าเป็นการจัดหาเงินทุนแบบรวมจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่จะได้รับสินเชื่อจากธนาคารในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เอสเอ็มอีจีนไม่ค่อยมีโอกาสลงทุนได้สมน้ำสมเนื้ออย่างที่ควรจะเป็น
แต่นักวิเคราะห์บางกลุ่ม มีความเห็นว่า คำวิจารณ์อย่างรุนแรงของหม่า เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้การทำไอพีโอของแอนท์ถูกสกัดกลางอากาศ เหตุผลหลักๆของเรื่องนี้คือแอนท์กำลังตกเป็นเป้าหมายของระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยที่ผ่านมาแอนท์ทำกำไรได้สูงมาก และกำลังระดมทุนอย่างน้อย 34,500 ล้านดอลลาร์ในการเสนอขายหุ้นไอพีโอ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเงินสำรองสำหรับธุรกิจปล่อยกู้มากขึ้น ขณะที่ธนาคารในประเทศยังคงต้องดิ้นรนต่อสู้ แถมบางครั้งยังต้องปรับโครงสร้างใหม่เนื่องจากขาดสภาพคล่อง
ในแถลงการณ์ของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้เกี่ยวกับการระงับแผนทำไอพีโอของแอนท์นั้น ได้มีการอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงของกฎข้อบังคับใหม่ว่า เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แอนท์ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าจดทะเบียนอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริง พบว่า กฎนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ปี 2560 ที่หน่วยงานจีนถกเถียงกันว่าจะอนุญาตให้ผู้ให้กู้รายย่อยออนไลน์ใช้รูปแบบการอำนวยความสะดวกด้านเงินกู้แบบง่าย หรือกำหนดให้ผู้ประกอบการยกเลิกข้อกำหนดเงินกู้ ซึ่งร่างกฎใหม่นี้ยังไม่ได้ข้อสรุป
สิ่งที่เกิดขึ้นกับแอนท์ ถือเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับหม่า เพราะหากอยู่ไม่เป็น หม่า อาจจะไม่ได้แค่สูญเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น