SCBอุ้ม220โรงแรม พักหนี้ต่อถึงมี.ค.ปีหน้า

SCBอุ้ม220โรงแรม พักหนี้ต่อถึงมี.ค.ปีหน้า

"ไทยพาณิชย์" เผย ลูกหนี้โรงแรมขอความช่วยเหลือต่อเฟส 2 อีก 220 ราย หรือ 1.1 หมื่นล้านบาท  พักหนี้ต่อถึงมี.ค.ปีหน้า  พร้อมยอมรับเอ็นพีแอลปรับตัวขึ้น  หลังลูกค้า 3-4 ราย เป็นหนี้เสีย 

นางอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจโรงแรม ยังเป็นธุรกิจที่ธนาคารต้องให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง เพราะรายได้ท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเป็นปกติ ทำให้ปัจจุบันมีลูกหนี้เอสเอ็มอีที่ยังต้องได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารต่อ หลังหมดมาตรการพักหนี้เป็นการทั่วไป เมื่อ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ราว 220 ราย หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 1.1 หมื่นล้านบาท จากลูกหนี้ธุรกิจโรงแรมทั้งหมดของธนาคารที่มี 350 ราย หรือคิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 1.6 หมื่นล้านบาท 

 ทั้งนี้บางส่วน ยังต้องให้การช่วยเหลือผ่านการพักหนี้ต่อเนื่อง เพราะรายได้ยังไม่กลับมา โดยเฉพาะโรงแรมที่พึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มนี้บางราย อาจต้องพักหนี้ต่อไปอีก 3-6 เดือน บางรายพักหนี้ยาวสุดถึงมี.ค. 2564

ขณะที่มีบางราย ที่ต้องให้การช่วยเหลือผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ หลังจากหมดมาตรการพักหนี้ เพื่อให้ภาระหนี้ของลูกหนี้ลดลง ทั้งการยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไปให้ยาวขึ้น และให้จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย หรือเงินต้นเท่านั้น เพื่อช่วยประคองธุรกิจให้สามารถเดินต่อไปได้

 

ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้า มี.ค. ปีหน้า ธนาคารคงต้องกลับมาประเมินความสามารถลูกหนี้ในธุรกิจโรงแรมอีกครั้ง หลังหมดมาตรการพักหนี้รอบใหม่ ว่าลูกหนี้มีศักยภาพกลับมาจ่ายหนี้ได้หรือไม่ ก่อนหาหามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมในอนาคต

“ตอนเฟสแรก มีลูกหนี้ในธุรกิจโรงแรมของธนาคาร ที่เข้ารับการช่วยเหลือผ่านพักหนี้ มีราว 80 % จากพอร์ตทั้งหมดที่ 1.6 หมื่นล้านบาท พบว่าลูกหนี้บางราย ก็เริ่มกลับมาชำระหนี้ได้บ้าง ทำให้ขณะนี้มีลูกหนี้ที่ขอเข้าการช่วยเหลือลดลง เหลือ 70% หลังหมดพักหนี้ไปเมื่อ 22 ต.ค. ส่วนสิ้นปีนี้ เราเชื่อว่าพอร์ตลูกหนี้ที่ขอรับความช่วยเหลือก็น่าจะใกล้เคียงกัน เพราะส่วนใหญ่ได้รับการช่วยเหลือไปแล้ว แต่กว่าจะเห็นภาพชัดอีกครั้งก็ต้องรอมี.ค.ปีหน้า ว่าลูกหนี้ที่ต้องช่วยต่อมีกี่ราย หรือลูกหนี้มีความจำเป็นที่ต้องพักหนี้ต่อหรือไม่”

สำหรับภาพรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ยอมรับว่าปรับเพิ่มขึ้นบ้าง เนื่องจากมีธุรกิจโรงแรมบางส่วน ที่ไปไม่ไหวราว 3-4 ราย ที่ยอมขายธุรกิจออกไป ทำให้ส่วนนี้ตกชั้นเป็นหนี้เสียเพิ่มบ้าง แต่หากดูหนี้เสียโดยรวม ถือว่ายังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ เนื่องจาก ธนาคารมีการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการต่างๆต่อเนื่อง ทำให้การตกชั้นของลูกหนี้ไปเป็นหนี้เสียลดลง

นางนางอภิพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมการช่วยเหลือลูกหนี้ในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีโดยรวม ปัจจุบัน มีลูกหนี้ที่ยังขอความช่วยเหลือในเฟส 2 อยู่ที่ราว 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งลดลงต่อเนื่อง หากเทียบกับเฟสแรก ที่มีลูกหนี้ขอความช่วยเหลือผ่านมาตรการต่างๆถึง 1.7 แสนล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีที่มีอยู่ราว 2.6 แสนล้านบาท

ส่วนภาพรวมธุรกิจธนาคารปี 2564 ธนาคารคาดว่า สินเชื่อรวมน่าจะทรงตัว หากเทียบกับปีนี้ เนื่องจากเชื่อว่า ปีหน้า ยังเป็นปีที่ธนาคารยังต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือ และประคับประคองลูกหนี้ต่อเนื่องจากปีนี้  ภายใต้ผลกระทบต่างๆ ทำให้คาดการณ์สินเชื่ออาจไม่ได้เติบโตมากนัก โดยเฉพาะเอสเอ็มอี

ทั้งนี้คาดว่าธุรกิจรายใหญ่ปีหน้า น่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนสินเชื่อให้กับธนาคารเป็นหลัก เนื่องจากมีโครงการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆของภาครัฐ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เห็นการลงทุนการใช้สินเชื่อของรายใหญ่ได้ต่อเนื่อง