พ้นเลือกตั้งสหรัฐ โควิดยังอยู่

พ้นเลือกตั้งสหรัฐ โควิดยังอยู่

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการยังไม่ออกมา และยังคงเป็นที่จับตาของทั้งพลเมืองอเมริกันและคนทั่วโลก แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ไม่หายไปไหนและยังรุนแรงอยู่คือสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะสหรัฐ ที่ยังเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมสูงที่สุดในโลก

แม้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการยังไม่ออกมา ทว่าแนวโน้มที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะรักษาเก้าอี้ผู้นำสหรัฐไว้ได้ มีความเป็นไปได้สูง ท่ามกลางการตอบรับในทางลบจากตลาดหุ้น ยังไงก็ตาม การที่ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้เรียกได้ว่าหักปากกาเซียนอีกครั้ง เพราะก่อนการเลือกตั้ง โพลล์เกือบทุกสำนักยกให้ โจ ไบเดน ชนะ แม้กระทั่งวันหย่อนบัตร กว่า ทรัมป์ จะมีแววชนะ มีการนับคะแนนเกินครึ่งทางไปแล้ว และสิ่งที่โลกยังไม่คุ้นเคย และถูก ทรัมป์ ชักจูงก็ยังมีให้เห็นเป็นเอกลักษณ์ 

ทรัมป์ ฉวยจังหวะประกาศชัยชนะเป็นระยะๆ เมื่อผลรัฐไหนออกมาแพ้ ทำให้ทั่วโลกคล้อยตาม ประกอบกับ ไบเดน และทีมงานเดโมแครตรอตอบโต้ไม่ทันกาล กลยุทธ์ที่ ทรัมป์ งัดออกมาใช้เพื่อรักษาเก้าอี้ผู้นำสหรัฐให้นานที่สุด ได้แก่ การแถลงว่าจะฟ้องร้องต่อศาลฎีกา หากตนเองพ่ายเลือกตั้ง ทรัมป์ อ้างว่าคู่แข่งมีแนวโน้มโกงการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งที่ส่งมาทางไปรษณีย์ ทำให้หลายฝ่ายได้คำตอบว่าอาจเป็นที่มาของการทิ้งทวนของทรัมป์ เมื่อเดือน ก.ย.63 ที่ดึงดันแต่งตั้งเอมี โคนี แบร์เรตต์ เป็นผู้พิพากษาศาลสูง ก่อนตัวเองจะพ้นตำแหน่ง 

การแต่งตั้ง เอมี่ วันนั้น ส่งผลให้ผู้พิพากษาเสียงส่วนใหญ่ในศาลสูงเป็นฝ่ายรีพับรีกัน หากเมื่อมีคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งส่งมายังศาลสูง รีพับรีกันก็อาจได้รับประโยชน์ก็เป็นได้ การเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีประเด็นว่าด้วยบัตรเลือกตั้งที่ส่งมาทางไปรษณีย์ โดยทำลายสถิติมากสุด ส่งผลให้ทุบสถิติผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากเป็นประวัติการณ์ 100 ล้านคน จากผู้มีสิทธิทั้งสิ้น 160 ล้านคน แต่ที่สำคัญสุดของประวัติศาสตร์ครั้งนี้ก็คือโควิด-19 ปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนโฉมหน้าการเลือกตั้ง ไม่ว่าการยากลำบากในการนับคะแนนกับผลที่ออกมาล่าช้า 

อเมริกันชนส่วนใหญ่กังวลโควิด กลัวว่าหากออกไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง ผู้คนจะหนาแน่น มีความเสี่ยงแน่นอน โควิดยังทำให้การนับคะแนนครั้งนี้ไม่มีเอ็กซิทโพล หรือการนับคะแนนหน้าคูหาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เราเห็นว่า พลเมืองอเมริกันและชาวโลกไม่ควรพุ่งเป้ากับผลการเลือกตั้ง จนลืมป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากโควิดที่สถานการณ์ยังคงรุนแรง วันนี้สหรัฐยังเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมสูงที่สุดในโลก โดยเมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) ยอดผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งไปอยู่ที่ 9,694,176 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,648 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 15 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 238,656 ราย 

ขณะที่ไทม์ไลน์การแต่งตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ กำหนดวันเข้ารับตำแหน่งในพิธีสาบานตนวันที่ 20 ม.ค.64 ดังนั้นสิ่งที่แน่นอนที่สุดในระยะเวลาเกือบ 3 เดือนนับจากนี้ นั่นคือการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด ยังอยู่ในกำมือ ทรัมป์ ผู้นำที่มีประวัติการป้องกันโควิดได้ย่ำแย่มากที่สุดคนหนึ่ง การที่เขายังทำหน้าที่ในระยะดังกล่าว จึงมีแนวโน้มสูงว่า 3 เดือนจากนี้ไป จะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของการแพร่ระบาดในสหรัฐ หรือแม้แต่ของโลกก็เป็นได้