อสังหาฯรุก ‘ธุรกิจสุขภาพ’ แก้เกม ‘บ้าน-คอนโด’ สต็อกพุ่ง

อสังหาฯรุก ‘ธุรกิจสุขภาพ’ แก้เกม ‘บ้าน-คอนโด’ สต็อกพุ่ง

“ธุรกิจบริการสุขภาพ” กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ยิ่งเมื่อทั่วโลกรับรู้ถึงศักยภาพในด้านสาธารณสุขไทยในการแก้ไขปัญหาโควิด 'เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง' ผุดศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและดูแลผู้สูงอายุ ศิริอรุณแคร์ 'ซิซซา กรุ๊ป' จับมือ วีพลาสติก เปิดรพ.สุขภาพและความงามในจ.พังงา

“ธุรกิจบริการสุขภาพ” หรือ Wellness Business กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่เติบโตต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อทั่วโลกรับรู้ถึงศักยภาพในด้านสาธารณสุขของไทยในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 จึงเป็นโอกาสของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่จะรุกสู่ธุรกิจนี้ ล่าสุดพบว่าผู้พัฒนาอสังหาฯหลายราย ผนึกพันธมิตร เพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว ควบคู่ไปกับโครงการอสังหาฯ เพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ รับการเปิดทยอยเปิดประเทศ แก้เกมธุรกิจที่อยู่อาศัยที่อยู่ในสถานการณ์สต็อกพุ่ง

โดยบริษัทเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งผู้ประกอบการอสังหาฯที่รุกสู่ธุรกิจนี้ "สมนึก ตันฑเทอดธรรม" กรรมการผู้จัดการ ระบุว่า ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มแพทย์และพยาบาลในจังหวัดอุบลราชธานี จัดตั้งบริษัท ศิริอรุณเวลเนส จำกัด เพื่อเปิดให้บริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและดูแลผู้สูงอายุ ศิริอรุณแคร์ ดูแลคนไข้ก่อนและหลังเข้ารับบริการในโรงพยาบาลในรูปแบบของการดูแลผู้ป่วยจากโรงพยาบาล ซึ่งต้องกลับมารักษาต่อในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช มี 2 อาคาร อาคารละ40 เตียงไว้ค่อยให้บริการแก่ผู้ที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาลศิริราช ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไป-กลับ และอีกแห่งจะเปิดกลางเมือง ในจังหวัดอุบลราชธานี อีกประมาณ 40 เตียง รวมเป็น120 เตียง ในเดือนธ.ค.นี้

“เรามองเห็นปัญหาที่คนไข้ที่เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลแล้ว ไม่มีที่พักในระหว่างการรักษา หรือฟื้นฟู ในระดับราคาที่สามารถยอมรับได้ บริการนี้จึงตอบโจทย์ลูกค้า รวมถึงเป็นบริการที่ลูกบ้านของ เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง สามารถเข้ามาใช้บริการได้ด้วย โดยเบื้องต้นเข้ามาพัก 3-5 วันขึ้นไป แต่ไม่ใช่เป็นในรูปแบบโรงพยาบาลเพื่อการรักษา และอนาคตอาจขยายไปให้บริการแก่ชาวต่างชาติ”

ขณะที่ ซิซซา กรุ๊ป บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เป็นอีกรายที่โดดเข้าสู่ธุรกิจนี้ โดยร่วมกับ บริษัทวีพลาสติก เซอเจอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ในการพัฒนาโครงการในรูปแบบโรงพยาบาลสุขภาพและความงาม ควบคู่ไปกับ รีสอร์ทหรู บนหาดนาใต้ จ.พังงา เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญด้านการดูแลสุขภาพมากขึ้น รองรับกลุ่มผู้ใช้บริการชาวต่างชาติและชาวไทย

เช่นเดียวกับบริษัทออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่เดินสู่ธุรกิจ “เฮลธ์แคร์” โดย “พีระพงศ์ จรูญเอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่ประเทศไทยสามารถปรับมือกับโควิดได้ดีถือเป็น “จุดขาย” ที่ดี ทำให้บริษัทมีแผนที่จะแตกไลน์ธุรกิจนี้ เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (เมดิคัล ทัวริสซึ่ม) ที่เข้ามาในอนาคตหลังจากเปิดประเทศ โดยร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาโครงการ และบริการตามความชำนาญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นรูปแบบของการ‘ปรับตัว’เพื่อความอยู่รอดท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น

“การแตกไลน์ไปยังธุรกิจสุขภาพร่วมกับพันธมิตร เป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทในอนาคต เพราะดีมานด์อสังหาฯในเมืองน่าจะคงที่ ทำให้ไม่สามารถขยายธุรกิจได้มาก ขณะที่ธุรกิจบริการสุขภาพสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและกลุ่มผู้สูงอายุในไทยที่มีมากขึ้น”

ด้าน “ปิยะ ประยงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีแนวคิดที่จะนำที่ดิน 3-4 ไร่ บริเวณถนนประดิพัทธ์ (สะพานควาย ) ที่ใกล้โรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือพฤกษา มาพัฒนาเป็นธุรกิจเพื่อสุขภาพและที่อยู่อาศัย โดยส่วนหนึ่งจะออกแบบที่พักเพื่อรองรับกลุ่มวัยผู้สูงวัย โดยจะเปิดให้บริการแก่กลุ่มผู้สูงอายุเข้ามาใช้บริการในรูปแบบของการเช่า ในสัดส่วน 10-20% ของโครงการ เพื่อรองรับกับครอบครัวที่มีพ่อแม่สูงอายุให้สามารถอยู่ร่วมกันในคอนโดเดียวกัน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ทางบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ได้ลงทุน 2,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการ “รักษ” (รักษะ) โดยร่วมกับพันธมิตรธุรกิจอีก 2 รายคือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มาดูแลด้านการแพทย์ แบ่งรายได้ในอัตรา 50:50 ตามแพ็กเกจที่ให้บริการ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ต้องแบ่งกำไรสุทธิ 15% ให้มั่นคงเคะหะการเพิ่ม ขณะที่ไมเนอร์ฯ เป็นรูปแบบสัญญาจ้างเพื่อดูแลและบริหารการเข้าพักอาศัยเป็นระยะเวลา 10 ปี

สำหรับโครงการรักษ ตั้งอยู่ใกล้คุ้งบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ขนาด 200 ไร่ พื้นที่ภายในโครงการ 80% เป็นทะเลสาบและพื้นที่สีเขียว อีก 20% เป็นพื้นที่รักษาและบ้านพักฟื้น 60 ยูนิตในรูปแบบวิลล่า ปัจจุบันได้ลงทุนเฟสแรกพัฒนาโครงการ 60 ไร่ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการในเดือนธ.ค.นี้