ลุ้นราคา ‘บิทคอยน์’ แตะ 1.5 หมื่นดอลล์

ลุ้นราคา ‘บิทคอยน์’ แตะ 1.5 หมื่นดอลล์

ราคาบิทคอยน์ มีโอกาสปรับทิศเป็นขาขึ้นอีกครั้งแตะระดับ 13,000-15,000 ดอลลาร์รับอานิสงส์บริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกนำเงินทุนเข้าบิทคอยน์ จุดประกายนักลงทุนรายย่อยโยกพอร์ตเพิ่มน้ำหนักตาม

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาบิทคอยน์ปรับขึ้นต่อเนื่อง จนเมื่อวันที่ 22 ต.ค. (10.00น.) ราคาพุ่งที่ระดับ 12,828 ดอลลาร์ ทะลุแนวต้านเก่าที่ระดับ 12,473 ดอลลาร์ เมื่อวันที่17 ส.ค.ที่ผ่านนั้น แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า จะสามารถปรับเป็นโหมดขาขึ้นได้หรือไม่เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ช่วง1 ก.ย.ที่ผ่านมานี้ มีบางช่วงที่ราคาบิทคอยน์หลับมายืนเหนือ 12,000 ดอลลาร์ได้แต่ยังไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้นาน

ด้านนักวิเคราะห์ในวงการเงินดิจิทัลต่าง คาดการณ์กันว่า การที่ราคาบิทคอยน์กลับมาวิ่งชนแนวต้านดังกล่าวส่งผลทำให้นักเทรดเริ่มแสดงความกลัวว่า ประวัติศาสตร์นั้นจะซ้ำรอย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้คนเทขายที่แนวต้านดังกล่าวค่อนข้างเยอะนั่นเองต่อสถานการณ์ราคาบิทคอยน์ปรับขึ้นรอบนี้

ปรมินทร์ อินโสม ” ซีอีโอ สตางค์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ช่วงนี้ยังเป็นช่วงทดสอบของราคาบิทคอยน์ว่าจะสามารถยืนเหนือระดับ12,000 ดอลลาร์ได้นานแค่ไหน หากสามารถยืนเหนือระดับ12,000 ดอลลาร์ ไปได้ตลอดเดือนต.ค.นี้ มองว่า ในระยะถัดไปมีโอกาสที่ราคาบิทคอยน์ปรับขึ้นไปที่ระดับ 13,000-15,000 ดอลลาร์ได้อย่างแน่นอนเนื่องจาก ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาบิทคอยน์กลับมาเพิ่มขึ้นได้นั้น เกิดจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อย ที่เห็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกต่างๆ เช่น skype กับ twitter นำเงินลงทุนของบริษัทส่วนหนึ่งเข้ามาลงทุนในบิทคอยน์ เป็นการจุดประกายให้นักลงทุนเกิดความต้องการลงทุนบิทคอยน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน ด้วยการโยกพอร์ตลงทุนมาเพิ่มสัดส่วนลงทุนบิทคอยน์เป็น 80% จากก่อนหน้านี้ที่สัดส่วน 50% และลดสัดส่วนการลงทุนเหรียญที่เป็นโทเคนเพื่อการใช้ประโยชน์ในสินค้าหรือบริการ (Utility Coin) จาก50%เหลือ20% ซึ่งช่วงที่ผ่านมานี้จะเห็นได้ว่ามูลค่าตลาดเงินดิจิทัลไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ราคาบิทคอยน์เพิ่มขึ้นในขณะที่ราคาเหรียญอื่นบางเหรียญลดลงด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ยังคงจับตาความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์หลังจากผ่านการอนุมัติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวานนี้ แต่อย่างไรก็ดี คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก หากไม่ผ่านวุฒิสภา ก็จะเป็นปัจจัยกดดันราคาบิทคอยน์ให้โอกาสไปถึง20,000 ดอลลาร์ในปีนี้เป็นไปได้ยาก

พร้อมกันนี้ต้องรอติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐไม่ว่าจะเป็นทรัมป์หรือไบเดนชนะการเลือกตั้ง จะแต่งตั้งใครเข้ามาดูเรื่องเงินดิจิทัลและจะมีท่าทีสนับสนุนหรือไม่รวมถึงคาดว่าทางรัฐบาลสหรัฐยังคงเดินหน้าผลักดันสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสหรัฐ (US CBDC) ภายใน1-2 ปีข้างหน้าหลังจากจีนเริ่มพัฒนาดิจิทัลหยวน

“ไม่ว่าจะนำแนวคิด US CBDC นี้ไปพัฒนาต่อหรือไม่ แรงผลักดันที่เกิดในโลกปัจจุบันก็จะบังคับให้ในที่สุด รัฐบาลสหรัฐก็ต้องตัดสินใจสร้างดิจิทัลดอลลาร์อยู่ดีจะช่วยสนับสนุนตลาดเงิน