กำไรบจ.ไตรมาส 3 ‘ดิ่งหนัก’ แรงกดดันกลุ่มท่องเที่ยว-โรงกลั่น ขาดทุนต่อเนื่อง

กำไรบจ.ไตรมาส 3 ‘ดิ่งหนัก’ แรงกดดันกลุ่มท่องเที่ยว-โรงกลั่น ขาดทุนต่อเนื่อง

บล.ทิสโก้  คาดกำไรบจ.ไตรมาส 3/63 ที่1.03 แสนล้านบาท ลดลง 45% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบินยังขาดทุนต่อเนื่อง รวมถึงเกือบทุกอุตสาหกรรมกำไรยังหดตัว คาดทั้งปีนี้กำไร 4.7 แสนล้าน ด้านบล.เอเซีย พลัส หวังไตรมาส 4/63 เริ่มฟื้

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ในช่วงไตรมาส 3ปี2563 โดยรวมเชื่อว่ายังคงอ่อนตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยจากการประเมินบจ.จำนวน 114 บริษัท ที่ฝ่ายวิจัยมีบทวิเคราะห์ครอบคลุม คาดว่าบริษัททั้งหมดจะทำกำไรสุทธิที่ 1.03 แสนล้านบาท ลดลงประมาณ 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ฟื้นตัวได้เล็กน้อยประมาณ 9% จากช่วงไตรมาส 2 ปี 2563

ทั้งนี้กำไรที่หดตัวแรงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น เพราะ ถูกถ่วงด้วยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ กลุ่มโรงแรม,สายการบิน และสนามบิน ที่คาดว่าจะยังมีผลขาดทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงหุ้นในกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นที่คาดว่าจะยังมีผลขาดทุนเช่นกันจากอัตราค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลงในระดับต่ำมาก

ขณะที่ในส่วนของกำไรของกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีผลต่อน้ำหนักของตลาดหุ้นไทยอย่างเช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มพลังงานเบื้องต้นก็คาดว่ากำไรจะปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเช่นกัน เพราะแต่ละแบงก์ยังมีการตั้งสำรองหนี้ที่ยังมากกว่าคาด รวมถึงปริมาณการขายและราคาน้ำมันที่ยังคงรับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มค้าปลีกเชื่อว่ายังได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อในประเทศที่ยังอ่อนแออยู่

“กลุ่มหุ้นหลักๆส่วนใหญ่กำไรยังคงปรับตัวลดลงเกือบทุกอุตสาหกรรม ยกเว้นเพียงกลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มสิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่คาดว่ากำไรยังแข็งแกร่งอยู่ ดังนั้นการประกาศผลประกอบการไตรมาสนี้จึงไม่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้มากนัก”

นายอภิชาติ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มกำไรของบจ.ในงวดไตรมาส 4 ปี2563 คาดว่าน่าจะเริ่มฟื้นตัวจากช่วงไตรมาส 3ปี2563 เนื่องจาก เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบพิเศษ (STV) ซึ่งนักท่องเที่ยวจากจีนจะเป็นกลุ่มแรก ประกอบกับ คาดว่าการบริโภคอุปโภคภายในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์การเมืองว่าจะมาซ้ำเติมเพิ่มอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตามแม้กำไรบจ.จะดูดีขึ้นแต่ก็น่าจะยังปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งคาดว่าจะกลับมาเห็นกำไรเติบโตอีกครั้งคือในช่วงไตรมาส 1 ปี2564 เป็นต้นไป

นอกจากนี้คาดว่ากำไรสุทธิทั้งปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 4.7 แสนล้านบาท หรือลดลง 39% จากปีก่อนที่ทำได้ 7.8 แสนล้านบาท  เพราะผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้หลายประเทศมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือปิดประเทศและกระทบต่อภาพรวมการดำเนินธุรกิจ รวมถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังคงยืดเยื้อ ส่วนแนวโน้มกำไรบจ.ปี2564 คาดว่าจะพลิกกลับมาเติบโต 37% หรือระดับ 6.5 แสนล้านบาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส จำกัด กล่าวว่า คาดกำไรบจ.ในงวดไตรมาส 3ปี 2563 น่าจะใกล้เคียงระดับ 2 แสนล้านบาทหรืออยู่ที่ราว 1.8-2 แสนล้านบาท ซึ่งแม้จะดูเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ถือว่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ปกติมักทำได้ประมาณ 2.2-2.9 แสนล้านบาทต่อไตรมาส โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาถือว่ากำไรของบจ.ออกมาค่อนข้างต่ำมาก เพราะไตรมาส 1ปี2563 มีกำไรเพียง 8 หมื่นกว่าล้านบาท และไตรมาส 2ปี2563 อยู่ที่ระดับ 1.17 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามเชื่อว่ากำไรบจ.ได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะมีกำไรฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะแรงกดดันจากผลกระทบโควิด-19 เริ่มลดน้อยลง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4ปี2563 คาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาหนาแน่นมากขึ้น โดยเฉพาะแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและกำลังซื้อภายในประเทศที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น