นิคมฯชงตั้ง 'เรกูเลเตอร์' กำหนดค่าน้ำแทน 'อีสท์ วอเตอร์'

นิคมฯชงตั้ง 'เรกูเลเตอร์'  กำหนดค่าน้ำแทน 'อีสท์ วอเตอร์'

ความต้องการใช้น้ำในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ใช้น้ำมีความต้องการสร้างกลไกเพื่อกำกับดูแลการกำหนดค่าน้ำ หลังจากที่ผ่านมาการกำหนดค่าน้ำเป็นบทบาทของอีสท์ วอเตอร์

วีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ที่ปรึกษาพิเศษด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาแนวทางการกำหนดกลไกโครงสร้างราคาค่าน้ำในอีอีซี เปิดเผยว่า คณะทำงานฯ ได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาสูตรราคาค่าน้ำดิบใหม่ของบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้าภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ และได้ศึกษาวิเคราะห์ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างราคาค่าน้ำในอีอีซี

“ที่ผ่านมา อีสท์ วอเตอร์ ผู้ผลิตน้ำรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก มีแผนปรับเปลี่ยนสูตรคิดคำนวณราคาค่าน้ำที่ขัดแย้งกับกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมในอีอีซี ดังนั้นจึงได้ตั้งคณะทำงานฯ เพื่อเป็นเวทีให้ทุกฝ่ายหารือให้ได้สูตรการคิดค่าน้ำที่เหมาะสมและเป็นธรรมทุกฝ่าย”

ทั้งนี้ สูตรคิดคำนวณค่าน้ำจะต้องสะท้อนความเป็นจริง และมีความยืดหยุ่นมากกว่านี้ เช่น มีการใช้น้ำสม่ำเสมอหรือไม่ ผันแปรหรือไม่ ค่าครองชีพเพิ่มหรือลดลงอย่างไร เหมือนกับการคิดค่าไฟฟ้าที่มีค่า เอฟที และมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือ เรกูเลเตอร์ ในการคิดคำนวณค่าไฟฟ้า 

รวมทั้งคณะทำงานฯ จะศึกษาว่าในการคิดค่าน้ำในอีอีซีควรมี “เรคกูเรเตอร์” หรือไม่ ซึ่งหากตั้งเรกกูเรเตอร์มาดูแลค่าน้ำแล้วควรมีโครงสร้างองค์กรอย่างไร รวมทั้งควรอยู่ภายใต้กฎหมายใด เพราะค่าน้ำยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลเฉพาะเหมือน กกพ.ที่มี พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน

สำหรับ สูตรคำนวณค่าน้ำดิบตามสูตรใหม่ของ อีสท์ วอเตอร์ จะใช้วันที่ 1 ม.ค.2564 จึงยังพอมีเวลาปรับให้ทุกฝ่ายยอมรับ เพราะสูตรคำนวณใหม่นี้ภาคเอกชนกังวลว่าจะมีราคาแพงขึ้น โดยขั้นแรกอาจมีสูตรราคาที่ยืดหยุ่นสูงจะได้ไม่ต้องปรับบ่อย จากนั้นควรมีหน่วยงานมากำกับดูแลราคาที่เหมาะสม โดยคาดว่าในเดือน ต.ค.นี้ จะได้ข้อสรุป

160334892757

จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับสูตรค่าน้ำดิบในอีอีซี ควรมี “เรกกูเรเตอร์” คำนวณเหมือนการคิดค่าไฟฟ้า โดยไม่ใช่ อีสท์ วอเตอร์ ผู้เดียวที่กำหนดค่าน้ำได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบปัญหานี้แล้ว

สำหรับ อีสท์ วอเตอร์ ตั้งขึ้นตามมติคณะระฐมนตรี (ครม.) เพื่อดูแลน้ำภาคอุตสาหกรรมในอีสเทิร์นซีบอร์ด โดย การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เป็นผู้ดำเนินงาน แต่ปรับเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประทเศไทย (ตลท.) ที่ต้องทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นทั้งที่น้ำประปาเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องมีราคาที่เป็นธรรมไม่ใช่เพื่อทำกำไรสูงสุด

ขณะนี้ราคาค่าน้ำที่ขายให้นิคมอุตสาหกรรมเท่ากับขายปลีกให้กับผู้ใช้ทั่วไป ทั้งที่นิคมอุตสาหกรรมซื้อจำนวนมากจึงควรคิดราคาขายส่ง และสูตรคำนวณใหม่ยิ่งทำให้ราคาน้ำภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของต่างชาติ

“ค่าน้ำเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรมจึงต้องมีเรกกูเรเตอร์ เพราะขณะนี้ไม่มีหน่วยงานใดมาควบคุมดูแลค่าน้ำให้เป็นธรรม”

อัญชลี ชวนิชย์ นายกสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทยและพันธมิตร กล่าวว่า สูตรคำนวณค่าน้ำใหม่ของ อีสท์ วอเตอร์นั้น ภาคอุตสาหกรรมไม่ยอมรับเพราะเพิ่มความยุ่งยากในการคิดค่าน้ำ และมองว่าสูตรเดิมสะท้อนต้นทุนตามความเป็นจริงอยู่แล้ว เพราะสูตรการคำนวณค่าน้ำใหม่ทำให้ราคาค่าน้ำไม่เสถียรราคาไม่ชัดเจนไม่รู้ว่าราคาต้นทุนค่าน้ำดิบเป็นอย่างไร และผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่รัฐน้ำดิบจาก อีทท์ วอเตอร์ มาขายให้โรงงานไม่รู้เลยต้นทุนค่าน้ำดิบเป็นเท่าไร เพราะขึ้นอยู่กับการใช้น้ำในแต่ละเดือน หากใช้น้ำมากก็จะมีราคาแพงขึ้น

สำหรับน้ำเป็นปัจจัยพื้นฐานในการผลิตเหมือนไฟฟ้าที่มี กกพ.กำกับดูแลราคาชัดเจน แต่น้ำดิบที่นำมาขายไม่มีใครกำกับเลย ซึ่งมีเพียงคณะกรรมการอีสท์ วอเตอร์ ที่เป็นเอกชนมากำหนดค่าน้ำ 

“แนวทางการแก้ปัญหาควรเปิดให้มีบริษัทอื่นเข้ามาผลิตน้ำขายให้กับภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเสรี เพื่อให้เกิดการแข่งขันกับ อีสท์ วอเตอร์ อย่างเสรี" 

อย่างไรก็ตาม การดูแลเรื่องราคาค่าน้ำก็จะต้องมีเรกกูเรเตอร์เข้ามาควบคุม เพราะน้ำเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะต้องมีราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐลงทุนระบบอ่างเก็บน้ำใน อีอีซี หลายแสนล้านบาท และจะยังมีการลงทุนอ่างเก็บน้ำ และท่ออีกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้มั่นใจว่ามีน้ำใช้อย่างเพียงพอสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และมีราคาจูงใจนักลงทุน ส่วนอีสท์ วอเตอร์ เข้ามาลงทุนเพียงบางส่วนเท่านั้น ดังนั้น เมื่อรัฐเป็นผู้ลงทุนหลักก็ไม่ควรให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการสร้างผลกำไรเพียงอย่างเดียว

สำหรับข้อมูลจาก อีสท์ วอเตอร์ สูตรคิดคำนวณค่าน้ำดิบใหม่ โดยน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค จะคิดอัตรา 9.90 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ภาคอุตสาหกรรมราคา 11–13 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร โดยมีสูตรคำนวณ คือ 

1.ราคาค่าน้ำจะขึ้นอยู่กับที่สถานที่ตั้งของโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมที่ราคาแตกต่างแต่ละพื้นที่ 

2.อัตราค่าน้ำตามข้างต้นใช้สำหรับผู้ใช้น้ำที่รับน้ำดิบอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนเท่านั้น หากผู้ใช้น้ำหยุดรับน้ำจเกินกว่า 2 เดือนต่อปี หรือรับน้ำไม่ถึง 50% ของปริมาณน้ำจัดสรรที่ได้รับ หรือปริมาณที่ตกลงไว้ในแต่ละปี ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำดิบหรือคิดอัตราค่าน้ำดิบตามที่เห็นสมควร

3.การซื้อขายน้ำดิบสำหรับผู้ขอใช้น้ำที่ไม่ได้ทำสัญญาไว้ก่อน รวมถึงผู้ใช้น้ำที่ยกเลิกสัญญาไปแล้วถือว่าเป็นผู้ใช้น้ำชั่วคราว ซึ่งจะกำหนดอัตราค่าน้ำตามปริมาณและระยะเวลาที่ต้องการให้จ่ายน้ำดิบ และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการซื้อขายน้ำดิบที่กำหนดไว้

4.ขอสงวนสิทธิ์ในการทบทวนอัตราค่าน้ำดิบให้สอดคล้องกับต้นทุนการบริหาร และสูบจ่ายน้ำดิบตามสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นได้ตามสมควร