ถอดบทเรียน ‘BTS’ เมื่อ K-Pop แสดงความเห็นการเมือง

ถอดบทเรียน ‘BTS’ เมื่อ K-Pop แสดงความเห็นการเมือง

ช่วงไม่กี่ปีหลัง “K-Pop” (เคป๊อป) กลายเป็นมากกว่าแค่แนวเพลงหนึ่ง จะเห็นได้ว่าอิทธิพลของวงการนี้ไม่ได้อยู่แค่บนชาร์ตบิลบอร์ดและรายการโทรทัศน์ในอเมริกาเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปถึงประเด็นทางการทูตที่มีความอ่อนไหว เมื่อศิลปินออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง

เมื่อไม่นานนี้ บอยแบนด์ 7 หนุ่ม “BTS” (บีทีเอส) ที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลก เผชิญกับดราม่าสุดเดือด หลังจาก “อาร์เอ็ม” (RM) หัวหน้าวง BTS กล่าวขณะรับรางวัลเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์เกาหลีใต้-สหรัฐ พาดพิงประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดของ “สงครามเกาหลี” ที่สหรัฐและเกาหลีใต้ร่วมกันต่อสู้ระหว่างปี 2493-2496

“เราจะจดจำไว้เสมอถึงประวัติศาสตร์แห่งความเจ็บปวดที่ทั้ง 2 ชาติของเราแบ่งปันร่วมกันและความเสียสละของชายและหญิงจำนวนมาก”

160320203813
- อาร์เอ็ม (RM) หัวหน้าวง BTS -

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนความเห็นที่ไม่น่าเป็นพิษภัยของอาร์เอ็ม กลับจุดชนวนความไม่พอใจอย่างมากให้กับชาวจีนในโลกออนไลน์ ซึ่งในความขัดแย้งครั้งนั้น รัฐบาลปักกิ่งสนับสนุน “โสมแดง” หรือเกาหลีเหนือ

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียชาวจีนหลายล้านคนเข้าไปแสดงความเห็นบนเว็บไซต์ “เว่ยโป๋” (Weibo) แพลตฟอร์มยอดนิยมของจีนว่า ประเทศพวกเขาก็ได้รับความเจ็บปวดจากสงครามครั้งนั้นเช่นกัน และพากันวิจารณ์ว่า อาร์เอ็มมองข้ามความสูญเสียของฝั่งจีน

“พวกเขา (BTS) ไม่ควรได้เงินจากจีน หากคุณต้องการได้เงินจากแฟนคลับชาวจีน คุณก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของชาวจีนด้วย” ชาวเน็ตจีนรายหนึ่งระบุ

สงครามเกาหลีเป็นสงครามความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือที่มีชาติพันธมิตรของแต่ละฝ่ายเข้าร่วมด้วย ความขัดแย้งครั้งนั้นส่งผลให้มีทหารเกาหลีใต้เสียชีวิตราว 200,000 นาย และทหารอเมริกันเสียชีวิตอีก 36,000 นาย ขณะที่สื่อทางการจีนอ้างว่า จีนสูญเสียทหารไปในสงครามครั้งนั้นด้วย 180,000 นาย

 

  • สะเทือนถึงแบรนด์ดัง

ก่อนหน้านี้ โกลบอลไทม์ส สื่อทางการจีนรายงานว่า ชาวเน็ตจีนบอกว่าทัศนคติด้านเดียวของวง BTS ที่มีต่อสงครามเกาหลี ทำร้ายความรู้สึกของพวกเขาและไม่อาจลบล้างประวัติศาสตร์ได้ และบอกด้วยว่า ความคิดเห็นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจแฟนคลับชาวอเมริกัน

คำพูดดังกล่าวของอาร์เอ็มกลับกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” เพราะยังส่งผลกระทบถึงโฆษณาของบรรดาบริษัทที่มีวง BTS เป็นพรีเซนเตอร์ด้วย เช่น ซัมซุง บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่, ฟีล่า แบรนด์เสื้อผ้ากีฬา และ ฮุนได ค่ายรถรายใหญ่ ต่างถูกกระแสกดดันจนต้องถอดโฆษณาออกจากเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ในจีน

160320220483

แม้แต่ในกรุงโซล ประเด็นนี้ก็ถูกพูดถึงระหว่างการประชุมสภาเกาหลีใต้ โดยพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านต่างใช้หัวข้อนี้โจมตีกันไปมา

 

  • กูรูเตือน “เลี่ยงปมการเมือง”

ขณะเดียวกัน ดูเหมือนเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ที่ K-Pop อาจจะก่อให้เกิดสถานการณ์สุ่มเสี่ยงทางการทูต โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์อันซับซ้อนของเกาหลีใต้กับเพื่อนบ้าน แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่า เรื่องวัฒนธรรม K-Pop และการเมือง ควรแยกออกจากกัน

“เมื่อพูดถึงประเด็นการทูตหรือประวัติศาสตร์ ก็ย่อมเลี่ยงความขัดแย้งไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องต่างมุมมอง ผมคิดว่า BTS ทำสิ่งที่ทำได้เท่าที่สถานการณ์เอื้ออำนวย และฝ่ายที่ควรถูกโทษคือคนที่พยายามตีกรอบวงนี้ให้มีความเป็นชาตินิยม” จ็อง ด็อก-ฮยอน นักวิจารณ์ด้านวัฒนธรรมเกาหลีเผยกับโคเรีย เฮอรัลด์

จ็อง บอกด้วยว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในที่นี้คือ ควรปล่อยให้วัฒนธรรม K-Pop ทำหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ของตัวเอง คือช่วยให้เกิดการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมและเอาชนะอุปสรรคทางภาษาและประวัติศาสตร์

ขณะที่ ลี กิว-ทัก ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยจอร์จเมสัน เกาหลี คาดการณ์ว่า จะเกิดประเด็นขัดแย้งคล้ายกันอีกในอนาคต เนื่องจาก K-Pop ขยายอิทธิพลไปทั่วโลกแล้ว

ปัจจุบันมีวง K-Pop จำนวนมากขึ้นเปิดรับสมาชิกต่างชาติ เพื่อสร้างแม่เหล็กดึงดูดแฟนคลับในตลาดต่างแดน แต่ประเด็นคือ บางครั้งศิลปินเหล่านี้ก็ถูกมองว่าเป็นตัวแทนประเทศบ้านเกิด

ลี กล่าวว่า สมาชิกชาวต่างชาติจะเผชิญกับแรงกดดันให้ออกมาสนับสนุนชาติตัวเองในบางกรณีอยู่เรื่อยๆ และในอดีตเคยมีวงดังบางวงที่มีสมาชิกเป็นชาวจีนหรือญี่ปุ่น ประสบกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อประเด็นขัดแย้งทางการทูตที่มีมาช้านาน ปะทุขึ้นอีกครั้ง

“ปูมหลังทางประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออก มีความซับซ้อนกว่าที่แฟน K-Pop หลายคนทั่วโลกคิดไว้มาก”

 

  • ศิลปิน-ค่ายเพลง ควรรับมืออย่างไร

ในสายตาของนักวิชาการอย่างลี มองว่า ทางต้นสังกัดควรให้ศิลปินแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี แต่ก็ไม่ควรไปแตะประเด็นที่อยู่เหนือการควบคุม

160320244050

“ถ้าไม่ใช่ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ เพศสภาพ หรือหลักจริยธรรม ผมไม่คิดว่ามีความจำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งเสียเอง ผมเชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดคือ การอนุญาตให้สมาชิกวงแสดงความคิดเห็นของตัวเองอย่างอิสระ และโฟกัสที่หน้าที่ตัวเองในฐานะศิลปิน มากกว่าการไปตอบสนองกับเรื่องที่พวกเขาควบคุมไม่ได้”

ปัจจุบัน BTS เป็นบอยแบนด์เกาหลีที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในวงการเพลงระดับสากล โดยมีแฟนเพลงอยู่ทั่วทุกมุมโลก รวมถึงไทย และมีฐานแฟนคลับอยู่บนแพลตฟอร์มเว่ยโป๋ของจีนอย่างน้อยกว่า 5 ล้านคน

-----------------------------

อ้างอิง: BBC, Korea Herald, Billboard