ธปท.หวัง หมดพักหนี้ 22 ต.ค. ลูกหนี้Sme เกิน50% กลับมาจ่ายหนี้ได้

ธปท.หวัง หมดพักหนี้ 22 ต.ค. ลูกหนี้Sme เกิน50% กลับมาจ่ายหนี้ได้

ธปท.ชี้หลังหมดมาตรการพักหนี้ 22ต.ค. นี้คาดลูกหนี้เกิน50% มีโอกาสกลับมาชำระหนี้ได้ปกติ ตามเงื่อนไขที่แบงก์กำหนด หนุนหนี้เสียในระบบไม่พุ่งพรวด เร่งลูกหนี้อีก6% ที่ติดต่อแบงก์ก่อนตกชั้นเป็นหนี้เสีย

160283112418           นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายเสถียรภาพระบบการเงินและยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า สำหรับมาตรการผ่อนผันให้ลูกหนี้เอสเอ็ม ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 100 ล้านบาท พักหนี้ตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ หรือโควิด-19นั้น จะสิ้นสุดมาตรการใน 22 ต.ค.นี้ 

           โดยเบื้องต้น เอสเอ็มอีที่ขอรับความช่วยเหลือ ผ่านมาตรการพักหนี้ของธปท. มีทั้งสิ้น 1.05 ล้านบัญชี หรือคิดเป็นยอดหนี้ 1.35 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นลูกหนี้เอสเอ็มอีของธนาคารเฉพาะกิจ 4 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ได้รับการพักหนี้ไปแล้ว 3-6 เดือน ส่วนอีก 9.5 แสนล้านบาท เป็นลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ 

160283387976           ซึ่งจากการหารือกับสถาบันการเงินเบื้องต้น และการติดตามสถานการณ์ลูกหนี้เอสเอ็มอีของธนาคารพาณิชย์อย่างใกล้ชิด พบว่าลูกหนี้ที่สามารถติดต่อได้ราว 94% และพบว่าส่วนใหญ่เกินครึ่ง หรือกว่า 50% เมื่อหมดมาตรการพักชำระหนี้แล้ว สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ดังนั้นเชื่อว่าธปท.เชื่อว่า จะไม่เกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้จำนวนมากในระยะเวลารวดเร็วในระยะข้างหน้า (Cliff effect) หลังมาตรการพักหนี้ครบกำหนด  

              แต่ขณะเดียวกันมีลูกหนี้ที่เข้าสู่โครงการพักหนี้ มีราว6% หรือ คิดเป็นมูลหนี้ราว 5.7 หมื่นล้านบาท ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้นธปท.อยากให้กลุ่มนี้เข้ามาเร่งติดต่อกับสถาบันการเงินเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป หลังมาตรการพักหนี้หมดไปแล้ว  

     

 

         ทั้งนี้ธปท.ได้ออกประกาศให้สถาบันการเงินคงสถานการณ์การจัดชั้นลูกหนี้เอสเอ็มอีกลุ่มนี้ ถึงสิ้นปี 2563 (Stand stell) สำหรับลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ เพื่อช่วยไม่ให้ลูกหนี้ตกชั้นเป็นเอ็นพีแอล และเพิ่มแรงจูงใจให้แบงก์เร่งดำเนินการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ด้วย