'จุรินทร์' แนะ 'โควิดโมเดล' แก้ม็อบ ดีกว่า 'ฮ่องกงโมเดล' 'หูอื้อ'ไม่ได้ยิน 'รัฐบาลแห่งชาติ'

'จุรินทร์' แนะ 'โควิดโมเดล' แก้ม็อบ ดีกว่า 'ฮ่องกงโมเดล' 'หูอื้อ'ไม่ได้ยิน 'รัฐบาลแห่งชาติ'

'จุรินทร์ ' เมินข้อเสนอพรรคร่วมฝ่ายค้านเปิดประชุมรัฐสภาวิสามัญ ถกม็อบ ชี้ เหลือแค่ 2 สัปดาห์จะเปิดสมัยประชุมแล้ว

เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดพิเศษในวันเดียวกันนี้(16 ต.ค.) ว่า เป็นการพิจารณาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีเพียงวาระเดียวตามที่ประกาศจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีภายใน 3 วัน

นายจุรินทร์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเรียกร้องขอมาเสียงมายังพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้สามารถเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อแก้วิกฤตประเทศว่า การจะเปิดได้จะต้องมี ส.ส.ร่วมกับ ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของเสียงสองสภาถึงจะสามารถเปิดได้ จึงเป็นเรื่องที่พรรคการมืองแต่ละพรรคต้องไปดูกันว่าเป็นอย่างไร จะอาศัยพรรคใดพรรคหนึ่งเสียงไม่น่าจะพอ แต่ข้อเท็จจริงคือ อีก 2 สัปดาห์ ก็จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในวันที่ 1 พ.ย.อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องการประชุมสภาสมัยวิสามัญ แต่คิดว่าเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณาเมื่อมีการเปิดประชุมสภาในเดือน พ.ย. จุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าเราสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น และขณะนี้ได้ส่งผู้แทนของพรรคเข้าไปร่วมเป็นคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนความเห็นว่าจะต้องไปทำประชามติก่อนหรือไม่นั้น มีความเห็นชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดว่าถ้าจะแก้ไขมาตรา 256 ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องเอาไปทำประชามติก่อน แต่บังคับว่าหลังผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้วจะต้องไปทำประชามติเพื่อขอความเห็นชอบ ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจน เราเห็นว่าไม่จำเป็นต้องไปทำประชามติก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านต้องการให้เปิดสมัยวิสามัญ เพื่อหารือถึงการชุมนุม นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงจะต้องดำเนินการ ซึ่งมีกฎหมายชัดเจนอยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า กลไกสภาจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า กลไกสภาต้องเป็นทางออกหนึ่ง รัฐสภาควรจะเป็นเวทีในการที่จะหาทางออกให้กับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนคิดว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญเงื่อนไขหนึ่งที่สามารถช่วยหาทางออกให้กับประเทศได้ อย่างน้อย 3 ฝ่ายที่ควรจะมีความเห็นร่วมกัน ได้แก่ ส.ส.รัฐบาล ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ว. ถ้าสามารถเห็นไปในทางเดียวกันได้การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ ส่วนเรื่องการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญก็ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะไปพิจารณา แต่ลำพังพรรคใดพรรคหนึ่งคงไม่สามารถไปกำหนดได้ แต่สภาจะเปิดอีกครึ่งเดือนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า วันนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ยินคำว่ารัฐบาลแห่งชาติหรือยัง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ยินเลย ความจริงเคยให้ความเห็นไปแล้วว่ารัฐบาลแห่งชาตินั้นเท่าที่มีมาในโลกก็คงเป็นในสถานการณ์สงคราม ในภาวะไม่ปกติ หรือระบบการเมืองปกติมันเดินหน้าไปไม่ได้ มันไม่มีทางไป แต่ปัจจุบันประเทศเราปกครองโดยระบบประชาธิปไตยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งขณะนี้ระบบรัฐสภายังเดินหน้าไปได้ ยังไม่ได้ถึงทางตันหรือยังไม่มีทางไปแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า คิดว่าสถานการณ์ยังไม่ได้สุกงอมอะไรขนาดนั้นใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ณ เวลานี้ยังไม่เห็นว่ามันจะไปเข้าเงื่อนไขอะไรที่โลกเขาเคยทำกันมา เพราะระบบมันยังเดินไปได้ ขณะนี้ยังเดินไปได้ สภาก็ยังจะเปิดได้ในเดือน พ.ย. กลไกก็ยังเดินไปได้ เรายังมีรัฐบาล ฝ่ายค้าน และส.ว. กลไกทั้งหมดยังเป็นไปตามเงื่อนไขของระบบรัฐสภา

เมื่อถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมหรือไม่ ที่เริ่มมีการใช้ลักษณะฮ่องกงโมเดลจนอาจทำให้การทำงานของรัฐบาลสะดุด นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันใช้โควิดโมเดลเข้ามาเป็นแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ คลี่ปัญหาของประเทศ ทุกฝ่ายก็จะไปได้ เพราะขณะนี้ต้องยอมรับความจริงว่าประเทศไทยประสบกับปัญหาโควิด ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งทุกประเทศในโลกก็ประสบ แล้วเรายังมาประสบกับปัญหาการเมืองซ้ำอีก เรื่องโควิดเราประสบความสำเร็จเป็นตัวอย่างประเทศหนึ่งของโลกเพราะนอกจากมาตรการที่ถูกต้องของรัฐบาลแล้ว ความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เราผ่านสถานการณ์นั้นมาได้ ฉะนั้น สถานการณ์การเมืองถ้าเราใช้โควิดโมเดลร่วมกันกับทุกฝ่าย ตนคิดว่าจะช่วยให้ประเทศผ่านพ้นสถานการณ์ที่ทุกคนไม่อยากเห็นไปได้

เมื่อถามว่า โควิดโมเดลน่าจะสู้ฮ่องกงโมเดล น่าจะดีกว่าใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า โควิดโมเดลเป็นแนวทางที่พิสูจน์แล้วว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับ