‘ทิสโก้’ตั้งสำรอง605ล้าน กดกำไรไตรมาส3วูบ14%

‘ทิสโก้’ตั้งสำรอง605ล้าน กดกำไรไตรมาส3วูบ14%

 “ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป” ไตรมาส3/63 กำไรสุทธิ 1.61 พันล้าน ลดลง 14.2%จากช่วงเดียวกันปีก่อน  เหตุ เศรษฐกิจชะลอตัวจากโควิดระบาด -ขาดทุนด้านเครดิตที่คาดเกิดขึ้น 604.95 ล้าน เพิ่มขึ้น 383%   ส่งผล 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 4.42 พันล้าน ลดลง 18.1% 

 นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานคณะกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ TISCO เปิดเผยว่า ในไตรมาส3 ปี 2563 ธนาคาร มีกำไรสุทธิ 1,611.53 ล้านบาท ลดลง 14.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,877.74 ล้านบาท เนื่องจาก เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 

      ทั้งนี้มีรายได้รวมลดลง 1.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 1,279.92 ล้านบาท แต่รายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวลดลงอย่างมากที่ 14.1% จากธุรกิจธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกันภัยและค่าธรรมเนียมจากเงินให้สินเชื่อ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ลดลง สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) มีจำนวน 605 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น383%เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน เป็นไปตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการตั้งสำรองล่วงหน้าไปแล้วบางส่วน ตามมาตรฐานบัญชี TFRS 9

     

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2563 กำไรสุทธิ4,427 ล้านบาท ลดลง 18.1% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนปี 2562  สาเหตุมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจจัดการกองทุนยังคงมีการเติบโตได้ดี ตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และการออกกองทุนที่หลากหลายในสภาวะตลาดทุนผันผวน ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้า สะท้อนภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) อยู่ที่ 15.3%

        สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 มีจำนวน 224,900 ล้านบาท ลดลง 1.4% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการชะลอตัวของสินเชื่อทุกภาคธุรกิจตามภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังและเข้มงวดมากขึ้นตามความเสี่ยงที่สูงขึ้น ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.63% จากไตรมาส2ปี2563 อยู่ที่3.28% และมีระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) อยู่ที่ 196%

        นอกจากนี้ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ที่ 22.6% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 18.0% และ 4.6% ตามลำดับ