‘ไพ่จีน’ ของรีพับลิกัน

‘ไพ่จีน’ ของรีพับลิกัน

ขณะนี้ไพ่ในมือของพรรครีพับลิกัน ซึ่งสอดคล้องกับทัศนคติของชาวอเมริกันที่มองเชิงลบต่อจีนคอมมิวนิสต์มากขึ้น และที่ผ่านมาสหรัฐก็แสดงออกหลายด้านอย่างต่อเนื่อง จากนี้ไปสหรัฐน่าจะกดดันมิตรประเทศมิตรประเทศให้เอื้อประโยชน์ต่อตนหรือลดประโยชน์ต่อจีนมากขึ้น

ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลวอชิงตันได้เร่งดำเนินการอย่างแข็งกร้าวและเป็นรูปธรรมในหลายมิติเพื่อสกัดกั้นอิทธิพลจีน สอดคล้องกับการที่ทัศนคติของชาวอเมริกันเป็นไปในทางลบต่อจีนคอมมิวนิสต์เพิ่มขึ้น การเล่นงานนี้ซ่อนผลประโยชน์เพื่อให้พรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นรัฐบาลเวลานี้มีโอกาสชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีใน พ.ย.เพิ่มขึ้น China Card ที่กำลังเล่นอยู่นี้จะประสบความสำเร็จได้ ข้าราชการประจำและองค์กรต่างๆ ของรัฐและเอกชนต้องเอาด้วย จนถึงเวลานี้ทิศทางยังคงเป็นเช่นนั้น

ในด้านความมั่นคงนั้น สหรัฐมีการแสดงกำลังทางเรือขนาดใหญ่ในทะเลจีนใต้หลายครั้ง โดยในห้วงกลาง ส.ค.2563 กองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan ซ้อมรบในทะเลจีนใต้ ก่อนหน้านี้ 1 เดือน กองเรือนี้ก็ได้แสดงกำลังในทะเลจีนใต้ร่วมกับกองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz เมื่อต้น ก.ย.2563 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐก็เรียกร้องให้อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่ม Quads ร่วมก่อตั้งองค์กรความร่วมมือทางทหารในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกรูปแบบเดียวกับองค์การนาโต เพื่อป้องกันความท้าทายจากจีน และล่าสุดเมื่อ 6 ต.ค.2563 ในที่ประชุมกลุ่ม Quads ระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ ปอมเปโอ ก็ได้ย้ำความร่วมมือกันให้เหนียวแน่นขึ้น

ในด้านการทูต เมื่อ 14 ก.ค.2563 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรอง พ.ร.บ.Hong Kong Autonomy Act ที่ผ่านร่างโดยสภาคองเกรสที่มีเนื้อหาคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของจีนและฮ่องกง ที่มีพฤติกรรมละเมิดความเป็นเขตปกครองตนเองของฮ่องกง ต่อมาสหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนในนคร Houston เมื่อ 22 ก.ค.2563 ด้วยเหตุผลว่าเจ้าหน้าที่จีนกระทำจารกรรมต่อทรัพย์สินข้อมูลของสหรัฐ และเมื่อ 7 ส.ค.2563 นาย Alex Azar รมว.สาธารณสุขเดินทางเยือนไต้หวัน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 41 ปีที่เจ้าหน้าที่สหรัฐระดับรัฐมนตรีเดินทางไปจับมือกับประธานาธิบดีไทเป

สำหรับด้านการค้าก็อัดจีนไปหลายเรื่อง เช่นเมื่อ ส.ค.2563 กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐขึ้นบัญชีดำ 24 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้ 38 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัท Huawei และ 37 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนใน Xinjiang ล่าสุดเมื่อ 28 ก.ย.2563 สหรัฐคว่ำบาตรบริษัท SMIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของจีน เพื่อกีดกันไม่ให้จัดหาวัสดุที่จะพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีแข่งขันกับสหรัฐ

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าจะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนเพิ่มเติม โดยจะลงโทษบริษัทสหรัฐที่ทำธุรกิจกับจีน และอาจจะนำสหรัฐถอนตัวออกจากองค์การการค้าโลก เพราะองค์กรนี้ดันวินิจฉัยว่าการที่สหรัฐขึ้นกำแพงภาษีต่อสินค้าจีนนั้นไม่เป็นธรรม ด้านอื่นๆ ก็มีเช่นตั้งแต่ 1 มิ.ย.2563 สหรัฐยกเลิกวีซ่าของนักศึกษาสัญชาติจีนที่เกี่ยวข้องกับการแปลงความรู้ที่ได้จากการเรียนไปใช้เพิ่มพูนขีดความสามารถทางทหารให้แก่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน เป็นต้น

สาเหตุของการแสดงความแข็งกร้าวต่อรัฐบาลปักกิ่งของรัฐบาลสหรัฐ นอกเหนือจากการกล่าวอ้างว่าเป็นการตอบโต้บทบาทของเครือข่าย Xi Jinping ที่ในปี 2563 เพิ่มการละเมิดบรรทัดฐานสากลด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และเสรีเดินเรือ ด้วยการกดขี่ชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ในซินเจียง การคุกคามไต้หวัน การแทรกแซงฮ่องกง และการเพิ่มเติมกำลังในทะเลจีนใต้แล้ว 

ยังมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลพรรครีพับลิกันต้องโหดกับจีนมากขึ้น เพราะคะแนนนิยมทุกโพลล์ของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นรองนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตอยู่ ส่วนใหญ่ห่างประมาณร้อยละ 45 ต่อ 51 ยิ่งแรงกับจีนเท่าไรยิ่งสะใจอเมริกันชนมากขึ้นเท่านั้น

การที่ในปีนี้กระแสชัง CCP ของประชาชนอเมริกันแรงขึ้น มีส่วนมาจากข่าวสารที่ระดมกันเข้าสู่การรับรู้ของมหาชน ตั้งแต่ต้นปีที่โควิด-19 ถูกระบุต้นตอว่ามาจากจีน ไปจนถึงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ ตลอดจนหวาดกลัวว่าจีนพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวดเร็วมาก ร่นระยะความห่างมาแทบจะรดต้นคอสหรัฐที่ตกต่ำลงในหลายมิติ

ผลคือจากนี้ไป สหรัฐจะกดดันมิตรประเทศให้เอื้อประโยชน์ต่อตนหรือลดประโยชน์ต่อจีนมากขึ้นซึ่งก็จะเจอการตอบโต้จากจีนด้วยวิธีต่างๆ รวมทั้งการกดดันต่อประเทศต่างๆ ในแนวทางเดียวกัน ไทยซึ่งอยู่ระหว่างเขาควาย จึงควรเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดหมาย ซึ่งเกิดจากความขัดแย้งของสองมหาอำนาจในทุกๆ ด้าน