พาณิชย์ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชนแก้ปัญหาราคาข้าวเหนียวตกต่ำ

พาณิชย์ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชนแก้ปัญหาราคาข้าวเหนียวตกต่ำ

พาณิชย์ถกโรงสี ผู้ส่งออกข้าว  ห้างค้าปลีก  ดึงราคาข้าวเหนียวที่ปรับตัวลง  พร้อมเจรจา COFCO เสนอขายข้าวเหนียว ขณะเดียวกันประสานหน่วยงานความมั่นคงเข้มงวดการลักลอบนำเข้าข้าวเหนียว

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน และนายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ประชุมหารือติดตามสถานการณ์ราคา ข้าวเหนียวที่มีราคาปรับตัวลดลง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาข้าวเหนียวตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีสมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กรมการข้าว และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรร่วมหารือ พบว่า ข้าวเปลือกเหนียวที่กำลังออกสู่ตลาดขณะนี้ เป็นข้าวเหนียวนาปรังพันธุ์สันป่าตอง 1 ซึ่งปกติราคาตลาดจะต่ำกว่าข้าวเปลือกเหนียวนาปีพันธุ์ กข 6  ที่จะออกสู่ตลาดมากในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกชุก ทำให้มีความชื้นสูง ราคารับซื้อข้าวที่ความชื้นไม่เกิน 15% จะอยู่ที่ตันละ 9,000 – 9,500 บาท ข้าวสดความชื้น 28% ราคาอยู่ที่ตันละ 7,000 – 7,500 บาท

160257618528

จากการประเมินสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวเปลือกเหนียวในปีนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าปริมาณข้าวเปลือกเหนียวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ไม่ได้เพิ่มสูงมากอย่างที่คาดการณ์กันไว้ ซึ่งในปีที่ผ่านๆ มาที่ประสบภัยแล้งต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอ ต่อความต้องการทำให้ราคาสูงกว่าปกติมาก อย่างไรก็ตามสำหรับราคาข้าวเปลือกเหนียวปัจจุบันคาดว่า น่าจะอยู่ที่จุดต่ำสุดแล้ว  เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกเหนียวในช่วงนี้ กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศได้ขอความร่วมมือสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าไปรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวจากเกษตรกรในพื้นที่แหล่งผลิต โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย จะได้ช่วยรับซื้อต่อเนื่อง และได้ประสานห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่จัดให้มีพื้นที่จำหน่ายข้าวสารเหนียวและจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภค

นอกจากนี้  กรมการค้าต่างประเทศจะเจรจากับ COFCO เพื่อเสนอขายข้าวเหนียวและข้าวชนิดอื่นภายใต้ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรไทย-จีนที่ยังอยู่ระหว่างเจรจาส่งมอบอีก 300,000 ตัน ซึ่งจีนเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยอยู่แล้ว เพื่อกระตุ้นความต้องการข้าวเหนียวภายในประเทศให้เพิ่มขึ้น รวมทั้ง บูรณาการร่วมกับกรมศุลกากรและฝ่ายความมั่นคงเพื่อเข้มงวดการนำเข้าและการขออนุญาตขนย้าย ในการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าข้าวเหนียว จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด 

สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวเปลือกของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอมาตรการประกันรายได้และมาตรการคู่ขนาน (โครงการสินเชื่อชะลอการจำหน่าย ซึ่งเกษตรกรจะได้รับค่าฝากเก็บ ตันละ 1,500 บาท โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวของสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ย ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก) ที่ นบข. ได้เห็นชอบแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและเก็บเกี่ยวไปแล้วก่อนที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติยังคงได้รับสิทธิ์ตามโครงการประกันรายได้ปี 2

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  สั่งการให้กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศติดตามสถานการณ์ข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผลผลิตกำลังจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพ.ย.นี้