ป.ป.ช.แถลงชี้แจงปมเชือด 'นิพนธ์' จงใจถ่วงเวลาไม่จ่ายเงินค่าสิบล้อ

นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกป.ป.ช.แถลงกรณีกล่าวหานายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาจากการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่เบิกจ่ายเงินค่าซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ว่า กรณีนี้เกิดตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งอบจ.สงขลาเวลานั้นจัดซื้อรถบำรุงทางสิบล้อจำนวน 2 คัน งบประมาณ 51 ล้านบาท ปรากฎว่าใช้การประกวดราคามีผู้ยื่นซอง 6 ราย โดย บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส เป็นผู้ชนะการประมูล ได้ทำสัญญาซื้อขายกับบริษัท ในปีเดียวกันนี้นายนิพนธ์ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งและบริษัทได้ส่งมอบรถทั้งสองคัน คณะกรรมการได้ดำเนินการตรวจรับครบถ้วน ซึ่งต้องมีการเบิกจ่ายเงิน และให้มีการโอนกรรมสิทธิ์รถให้กับอบจ.สงขลา แต่นายนิพนธ์กลับไม่ดำเนินการ และสั่งการให้มีการดำเนินการตรวจรับอีกครั้ง ทั้งๆที่มีการตรวจรับที่ชอบด้วยกฎหมายไปแล้ว

นายนิวัติไชย์ กล่าวว่า ดังนั้น บริษัทฯจึงได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสตง.ได้แจ้งไปยังอบจ.ว่าจะต้องดำเนินการตามระเบียบ คือ ต้องดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้คู่สัญญา มิเช่นั้นจะก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ปรากฎว่านายนิพนธ์ยังไม่จ่ายเงิน โดยอ้างว่าการซื้อขายมีการฮั้วกัน ต่อมาศาลปกครองจังหวัดสงขลาพิพากษาให้อบจ.สงขลาชำระค่ารถพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 52 ล้านบาท คณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาสำสวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่าการกระทำของนายนิพนธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกอบจ.สงขลา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมีพฤติการณืการกระทำฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชนตามพ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 มาตรา 79 ให้ส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจและไปยังผู้มีอำนาจถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป

นายนิวัติไชย กล่าวว่า สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของนายนิพนธ์ในฐานะรมช.มหาดไทยจะมีผลให้ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่นั้นเนื่องจากกรณีนี้ไม่ได้เป็นการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดังนั้น จึงต้องรอให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบมีคำสั่งประทับรับฟ้องก่อน หากศาลมีคำสั่งเช่นว่านั้นแล้วแต่นายนิพนธ์ไม่ยุติการทำหน้าที่ ถึงตอนนั้นจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่จะมีผลให้ป.ป.ช.จะต้องหารือร่วมกันกับศาลอีกครั้ง

รองเลขาธิการป.ป.ช.กล่าวว่า ส่วนข้ออ้างของนายนิพนธ์ที่ไม่ยอมจ่ายเงินให้กับคู่สัญญาเพราะเห็นว่ามีการฮั้วประมูล ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการฮั้วกับการปฏิบัติตามสัญญาเป็นเรื่องที่แยกออกจากกัน ประกอบกับ การอ้างฮั้วประมูลทางอบจ.ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแต่ยังไม่ปรากฎแน่ชัดว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ นอกจากนี้ หากเห็นว่ามีการฮั้วกันจริง ก็ควรต้องดำเนินการยกเลิกสัญญา ดังนั้น เมื่อยังไม่ปรากฎความผิดฮั้วประมูลจึงไม่มีเหตุที่จะชะลอการจ่ายเงินตามสัญญา พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเหมือนการถ่วงเวลา อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีการฮั้วประมูลป.ป.ช.ได้รับคำร้องมาตั้งแต่ปี 2561 และจะเร่งดำเนินการพิจารณาต่อไป ซึ่งไม่ว่าผลของกรณีนี้จะออกมาอย่างไรจะไม่มีผลต่อคดีที่ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไปแล้วแต่อย่างใด