“ลูกเก้งเผือกหาย”ปม "ผอ.สวนสัตว์"เสียชีวิต

“ลูกเก้งเผือกหาย”ปม "ผอ.สวนสัตว์"เสียชีวิต

ประธานบอร์ดสวนสัตว์ เผยสาเหตุเสียชีวิต ผอ.สวนสัตว์ คาดลงพื้นที่ตรวจสอบ"ลูกเก้งเผือกหาย" พบข้อพิรุธเพียบ อาจถูกลักลอกนำไปขาย และการสับเปลี่ยนตำแหน่ง เตรียมประชุมหารือข้อเท็จจริง 6 ต.ค.นี้

จากกรณีนายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถูกนายภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัย สวนสัตว์สงขลายิงเสียชีวิต

นายชวลิต ชูขจร เป็นประธานคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ กล่าวว่าขณะนี้ ได้มีการแจ้งเรื่องการเสียชีวิตของนายสุริยา แก่ภรรยา เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาจจะนำศพไปทำพิธีที่จ.ชลบุรี บ้านเกิดของท่าน

"กรณีสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ คงต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่นายสุริยา ลงตรวจสอบสัตว์หาย นั่นคือ ลูกเก้งเผือก จำนวน 1 ตัว ที่ สวนสัตว์สงขลา ประสบความสำเร็จเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ จากเก้งที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้หายไปจากสวนสัตว์อย่างไร้ร่องรอย ในช่วงเดือนก..2563  ซึ่งจากการลงตรวจสอบพบว่า มีข้อพิรุธหลายกรณี ทั้งเรื่องของการลักลอกนำสัตว์ไปขายมากกว่า การที่สัตว์จะถูกกิน เนื่องจากมูลค่าของสัตว์ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสัตว์ที่ผ่านการเพาะพันธุ์  ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก และที่ผ่านมาก็มีการลักลอกนำสัตว์ไปจำหน่าย ดังนั้น เมื่อพบข้อพิรุธต่างๆ ทางบอร์ดเอง ได้มีการมอบหมายให้นายสุริยา ดำรงตำแหน่งผอ.เข้าไปดู และอาจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้"นายชวลิต กล่าว

ประธานบอร์ดสวนสัตว์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา มีข้อสงสัยในหลายเรื่อง และเมื่อท่านสุริยา ลงพื้นที่ทำให้เจอหลักฐานและมีการโยกย้ายผู้เกี่ยวข้องออก  หลังจากนี้ ทางบอร์ดจะพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงให้ถึงที่สุด เพราะต่อให้ผู้ยิงนายสุริยา ได้ยิงตนเองจนเสียชีวิตแล้วแต่การลักลอกนำสัตว์ไปขาย เป็นความผิดทั้งทางระเบียบ และอาญา โดยมีโทษจำคุก3 ปีปรับไม่เกิน30,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีการประชุมบอร์ด พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงในวันที่6..นี้

ทั้งนี้  นายสุริยา เดิมมีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ และเพิ่งได้รับการแต่งตัวให้เป็นผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา

ต่อมาวันที่ 2 ..2563 นายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ลงนามในคำสั่งสับเปลี่ยนตำแหน่ง ให้ นายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ส่วนกลาง ระหว่างรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นทางการแล้ว    

โดยคำสั่งสับเปลี่ยนตำแหน่งจากกรณีนี้ มี 3 ฉบับ  คือ ฉบับแรก ให้ นายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา เข้ามาปฏิบัติงานในหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิต  และให้นายอาคม มณีกุล ผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิต ไปปฏิบัติหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลาแทน 

นอกจากนี้ ยังสับเปลี่ยนตำแหน่งให้ นายภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา ไปปฏิบัติงานในหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสวนสัตว์ สังกัดสำนักอนุรักษ์ และวิจัย 

และให้นายอุทัย พูลยรัตน์ หัวหน้าโภชนาการสัตว์ รักษาการหัวหน้าฝ่ายบำรุงสัตว์ สวนสัตว์สงขลา ไปปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้างานบำรุงสัตว์เลื้อนคลานฝ่ายบำรุงสัตว์ สวนสัตว์ดุสิต 

ฉบับที่สอง  นายพิเชษฐ์ ทัปนวัชร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา ถูกออกคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานในหน้าที่ รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิต   ส่วน นายไพเจือน ชูเลขา หัวหน้าฝ่ายอำนวยการสถาบันบริหารจัดการสวนสัตว์ให้ไปปฏิบัติงานในหน้าที่รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา 

ส่วนฉบับที่สาม ให้นายผดุงศักดิ์ จันทรัตน์ หัวหน้างานบำรุงสัตว์เลื้อยคลานฝ่ายบำรุงสัตว์ ไปรักษาการหัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ วิจัย และสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา 

นายฉัตรชัย คงประดิษฐ์ นักวิชาการสวนสัตว์ 6 รักษาการตำแหน่งหัวหน้างานบำรุงสัตว์ปีก ฝ่ายบำรุงสัตว์  ไปรักษาการหัวหน้างานบำรุงสัตว์เลื้อยคลานฝ่ายบำรุงสัตว์ สวนสัตว์สงขลา 

นายสุชาติ ฆังคะ นักวิชาการสวนสัตว์ 6 งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ ไปรักษาการหัวหน้าฝ่ายบำรุงสัตว์ สวนสัตว์สงขลา 

สรุปว่าข้าราชการและเจ้าหน้าที่สวนสัตว์สงขลา ที่ถูกออกคำสั่งสับเปลี่ยนตำแหน่งออกจากพื้นที่ มีจำนวน 4 ราย คือ1. นายเฉลิมวุฒิ เกษตรสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา 2.นายภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา 3. นายอุทัย พูลยรัตน์ หัวหน้าโภชนาการสัตว์ รักษาการหัวหน้าฝ่ายบำรุงสัตว์ สวนสัตว์สงขลา และ 4. นายพิเชษฐ์ ทัปนวัชร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา โดยทุกคำสั่งให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ..2563 เป็นต้นไป