เสนาฯ ลุยคอนโดต่ำล้านเจาะวัยทำงาน

เสนาฯ ลุยคอนโดต่ำล้านเจาะวัยทำงาน

“เสนาฯ” พลิกเกมผุด“เสนา คิทท์” คอนโดต่ำล้านจับกลุ่มวัยทำงาน ล่าสุดเปิดตัวโครงการย่านเทพารักษ์ – บางบ่อ คาดก่อนสิ้นปีเปิดเพิ่มอีก 2 โครงการ

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปี 2563 ถือเป็นปีที่หนักหน่วงของเศรษฐกิจไทยที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนเป็นกลายเป็นวิกฤตที่ประเทศไทยไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านช่วงเวลาต่ำสุดไปแล้ว แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาฟื้นตัวต้องใช้เวลานานถึง 3 ปีเป็นอย่างน้อย

แม้ว่าศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 จากเดิมที่จะติดลบ 5.3% ขยายเป็นติดลบ 8.3% โดยส่วนตัวคาดว่าอาจจะติดลบถึง 10% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในประวัติศาสตร์ และเหตุปัจจัยที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยนั้น มาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กระทบเป็นวงกว้างทุกภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผลกระทบต่อการจ้างงาน และรายได้มีแนวโน้มลดลง

นางสาวเกษรา กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด – 19 บริษัทเล็งเห็นช่องว่างทางการตลาดในการสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง รวมถึงลูกค้ากลุ่มวัยทำงาน (first jobber) ที่มีอายุ 25-30 ปีและรายได้เฉลี่ยเดือนละ 15,000 บาท สามารถซื้อคอนโดเป็นของตัวเอง จึงหันมาโฟกัสคอนโดราคาต่ำล้าน ภายใต้แบรนด์“เสนา คิทท์” เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ที่ต้องการที่อยู่อาศัย

 ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดขายคอนโดต่ำล้าน จำนวน 8 โครงการ รวมมูลค่า 2,376 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกเปิด 4 โครงการ ประกอบด้วย 1. เดอะ คิทท์ รังสิต – ติวานนท์ 2. เดอะ คิทท์ ไลท์ บางกระดี – ติวานนท์ 3. เดอะ คิทท์ พลัส พหลโยธิน – คูคต และ 4.เสนา คิทท์ เพชรเกษม – สาย 7 และในครึ่งปีหลังเตรียมเปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 โครงการ ได้แก่ เสนา คิทท์ เทพารักษ์-บางบ่อ เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูง 5 ชั้น จำนวน 6 อาคาร จำนวน 328 ยูนิต เหมาะกับการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือ ลงทุนเพื่ออนาคต ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถปิดยอดขายเฟสแรก 3 อาคาร (158 ยูนิต) คิดเป็นมูลค่า 126 ล้านบาท และมีแผนที่จะเปิดอีก 2 ทำเลในปีนี้

นายสัมมา คีตสิน กรรมการและกรรมการอิสระ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพและปริมณฑลว่าคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีจำนวน 8,792 ยูนิต เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 ที่มีจำนวน 66,367 ยูนิต ในด้านประเภทและราคาที่เปิดขายใหม่เหลือขายสะสมในช่วงครึ่งแรกปี 2563 ส่วนใหญ่เหลือขายสะสม มีจำนวน 6,076 ยูนิต โดยระดับราคา 1-3 ล้านบาทเหลือขายมากที่สุด ขณะที่ระดับราคาต่ำล้านบาทเหลือขายเพียง 221 ยูนิต ขณะที่เมื่อเทียบกับรายได้คนไทยที่มีรายได้ต่อครัวเรือนค่อนข้างต่ำ อีกทั้งยังมีภาระหนี้สินต่างๆ ที่มาผูกมัดตัวเองยิ่งขึ้นไปอีกทำให้กำลังซื้อที่อยู่อาศัยระดับกลาง – บนลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด