‘บล.ไทยพาณิชย์’ ฟันธง SET ไม่หลุด 1,160 จุด เชียร์เข้าสะสมหลังหลุด 1,250 จุด

‘บล.ไทยพาณิชย์’ ฟันธง SET ไม่หลุด 1,160 จุด เชียร์เข้าสะสมหลังหลุด 1,250 จุด

บล.ไทยพาณิชย์ มั่นใจหุ้นไทยไม่หลุด 1,160 จุด เชื่อระดับราคาปัจจุบันสมเหตุสมผล และสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ชู 6 อุตสาหกรรมที่กำไรปี 2564 จะสูงกว่าปี 2562

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การปรับตัวลงของดัชนีหุ้นไทย (SET) ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยหลักแล้วเกิดจากการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสองในหลายประเทศ แม้ประเทศไทยจะไม่เจอกับปัญหานี้ แต่ก็ทำให้สถานการณ์ทั่วโลกกดดันการเปิดรับนักท่องเที่ยวและกิจกรรมการทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยกลุ่มหุ้นปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ พลังงาน ธนาคาร ปิโตรเคมี และขนส่ง

ขณะที่การสะดุดของการพัฒนาวัคซีนเป็นอีกปัจจัยกดดัน ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนหายไป จากที่คาดว่าจะสามารถผลิตได้ทันปีนี้ ก็อาจจะเลื่อนออกไปเป็นปี 2564

อย่างไรก็ดี มองว่าดัชนี SET ในกรณีเลวร้ายสุดจะไม่ลดลงไปต่ำกว่า 1,160 จุด โดยมองว่าระดับ 1,200 – 1,250 จุด เป็นระดับที่เริ่มเข้าสะสมได้ เนื่องจากราคาหุ้นในระดับนี้เหมาะสมกับแนวโน้มการฟื้นตัวในอนาคต ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 จะค่อยๆ คลี่คลาย และการกระตุ้นจากภาครัฐจะมีอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 4 แนะนำเข้าสะสมหุ้นหลังจากที่ดัชนี SET ลดลงมาต่ำกว่า 1,250 จุด แม้ว่าราคาหุ้นเทียบกับผลประกอบการ 12 เดือนข้างหน้า ยังคงแพงอยู่ แต่ด้วยราคาหุ้นที่ลดลงมาใกล้กับระดับ 1,200 จุด จะทำให้มูลค่าหุ้นน่าสนใจมากขึ้นอีก และจากการประเมินก่อนหน้านี้ที่ระดับดัชนี 1,288 จุด จะคิดเป็นค่า P/E 17 เท่า สำหรับปี 2564 ส่วนปี 2565 ค่า P/E จะลดลงไปเหลือ 13.7 เท่า

ทั้งนี้ หากพิจารณา กำไรของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมในปี 2564 เทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงปกติก่อนเกิดโควิด-19 กลุ่มที่กำไรในปีหน้าจะสูงขึ้นกว่าปี 2562 ได้แก่ ปิโตรเคมี พลังงาน ประกัน อาหาร เกษตร และวัสดุก่อสร้าง ในมุมกลับกัน กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรจะยังฟื้นตัวกลับมาไม่เท่ากับปี 2562 ได้แก่ ขนส่ง ท่องเที่ยว ยานยนต์ ธนาคาร สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ เงินทุน และพาณิชย์

ส่วนระยะสั้นในไตรมาส 4 นี้ แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ และสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยหลีกเลี่ยงกลุ่มขนส่ง ยานยนต์ ธนาคาร บันเทิง สื่อ อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกทำจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยเศรษฐกิจไทยติดลบ 12% ด้วยเหตุผลจากการล็อกดาวน์ แต่หลังจากนี้คาดว่าจะไม่เกิดการล็อกดาวน์ในระดับนั้นอีกแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ ตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะไม่เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะดีมานด์ที่พุ่งขึ้นหลังการเปิดเมืองหมดไปแล้ว ซึ่งเห็นได้จากยอดขายสาขาเดิม (sssg) ของกลุ่มค้าปลีกที่เริ่มปรับตัวลดลง และนักลงทุนเริ่มขายทำกำไรในหุ้นที่ฟื้นตัวก่อนหน้านี้

          

“มองว่าตลาดหุ้นน่าจะต่ำสุดในเดือน ต.ค. นี้ หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามากพอสมควร สำหรับเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 หดตัวแรงมาก นับแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ส่วนไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ก็อาจจะยังฟื้นไม่ได้แรง เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลับมาได้ช้ากว่าที่คาดไว้ แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาอยู่บนความเป็นจริงมากขึ้น และค่อนข้างสมเหตุสมผล ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปี 2566 จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในระยะถัดไป”

ส่วนคาดการณ์จีดีพีของไทยในปีนี้ คาดว่าจะติดลบ 7.8% โดยมีเพียงการบริโภคในประเทศและการใช้จ่ายภาครัฐบาลที่เป็นบวก สิ่งที่ดีของปีนี้คือ รายได้ของเกษตรกรดีขึ้นเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น  

“เดิมที SCBS เชื่อว่า GDP ไตรมาส 4 จะติดลบเพียง 0.9% แต่ปัจจุบันมองว่าจะติดลบราว 8% เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่กลับมาได้ช้ากว่าที่คาดไว้ โดย 6 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยว 6.6 ล้านคน เดิมทีคาดครึ่งหลังจะมีนักท่องเที่ยว 5 แสนคน แต่ปัจจุบันคาดว่าจะได้ต่ำกว่า”