‘โพลีเพล็กซ์’ทุ่มงบ3.2พันล้าน ผลิตแผ่นฟิล์มBOPETชนิดบาง

‘โพลีเพล็กซ์’ทุ่มงบ3.2พันล้าน ผลิตแผ่นฟิล์มBOPETชนิดบาง

“โพลีเพล็กซ์”ทุ่ม 3.22 พันล้าน ลงทุนโครงการผลิตแผ่นฟิล์มชนิดบาง-เพิ่มกำลังผลิตเม็ดพลาสติก PET คาดเริ่มลงทุนครึ่งปีแรก 64 หวังขึ้นแท่น ผู้นำตลาดในสหรัฐ

นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) อนุมัติลงทุนโครงการ Brownfield สายการผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ชนิดบาง ที่บริษัทย่อย ในประเทศสหรัฐ คือ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ยูเอสเอ)แอลแอลซี มูลค่าลงทุนทั้งหมดของโครงการรวมเงินทุนหมุนเวียน 102.80 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,226 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,599 ล้านบาท ชำระ  ค่าที่ดิน ค่าปรับปรุงที่ดินที่ตั้งโครงการ ค่างานโยธาก่อสร้าง ค่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ ภาระผูกพัน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และเงินทุนหมุนเวียน 627 ล้านบาท

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ชนิดบาง ขนาดกว้าง 10.6 เมตร กำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตเม็ดพลาสติก PET จาก 58,000 ตันต่อปี เป็น 86,000 ตันต่อปี ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมกำลังการผลิตแล้ว ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก รองรับความต้องการใช้แผ่นฟิล์ม PET ชนิดบางที่ถูกนำไปใช้ในบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัวในภาคอุตสาหกรรมอาหารในตลาดสหรัฐที่มีแนวโน้มเติบโตทุกปี

สำหรับเงินลงทุนโครงการดังกล่าวจะมาจากเงินทุนสำรองของบริษัทฯ และเงินกู้ระยะสั้น โดยจะเริ่มดำเนินการโครงการนี้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2564 และคาดว่าจะเริ่มเปิดสายการผลิตได้อีกประมาณ 24 เดือนนับจากนี้ เมื่อการดำเนินการแล้วเสร็จจะส่งผลให้บริษัทฯ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 18-20%

อย่างไรก็ตามการลงทุนครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการบริหารจัดการด้านโครงสร้างต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถแข่งขันได้ ต้นทุนต่อหน่วยถูกลงจากการเพิ่มสายการผลิตเป็น 2 สาย รองรับแผนการรุกขยายตลาดภายในภูมิภาคและลดการนำเข้าแผ่นฟิล์ม PET จากต่างประเทศ ไม่มีการลงทุนรายใหญ่ในสหรัฐ ในอุตสาหกรรมนี้ในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา และไม่มีกำลังการผลิตที่จะเกิดขึ้นใหม่ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจในการรองรับการเติบโตของอุปสงค์ โดยการเป็นผู้จัดจำหน่ายที่มีทำเลใกล้ชิดและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดโดยใช้ประโยชน์จากความสามารถทางการตลาดที่มีอยู่ของบริษัทและความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและประสบการณ์ยาวนานในการรองรับตลาดแห่งนี้ 

รวมถึงทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในการเป็นแหล่งที่ตั้งภายในประเทศดังกล่าว คือ ทำให้สามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วและเชื่อถือได้ ทำให้สร้างข้อแตกต่างได้อย่างชัดเจนในมุมของลูกค้า ลดความเสี่ยงจากการกีดกันทางการค้า เช่น ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดมาตรการตอบโต้การอุดหนุน ซึ่งเป็นเครื่องมือกีดกันทงการค้าที่พบบ่อยในอุตสาหกรรมนี้ 

นอกจากนี้ยังช่วยให้ Polyplex USA ก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดในสหรัฐ เหมือนกับที่บริษัทฯ ได้เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก

“เรามีความมุ่งมั่นขยายธุรกิจของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินงาน ควบคู่กับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและชุมชน ตลอดจนการนำความเชี่ยวชาญของทีมงานที่มีประสบการณ์ในการขยายตลาดที่สร้างความสำเร็จมาแล้วในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก เข้ามาช่วยวางแผนทั้งด้านระบบการขายและการจัดจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อต่อยอดสร้างความสำเร็จในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ ด้วยการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงต่อเวลา และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า” 

สำหรับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการลงทุนขนาดเล็กหลายรายการในประเทศไทย อินโดนีเซีย และตุรกี เมื่อคำนวณโดยการใช้ระดับการคำนวณที่สูงที่สุด โดยมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 1,297 ล้านบาท นั้น จะมีขนาดของรายการเท่ากับ 7.32% หลังจากรวมการลงทุนในโครงการทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติในช่วง 6 เดือน ซึ่งขนาดรายการเท่ากับ 25.54%