ภูเก็ตขานรับเปิดรับต่างชาติ ยันประโยชน์ไม่เฉพาะโรงแรมใหญ่ กระจายสู่ชุมชนทางอ้อม

ภูเก็ตขานรับเปิดรับต่างชาติ ยันประโยชน์ไม่เฉพาะโรงแรมใหญ่ กระจายสู่ชุมชนทางอ้อม

ผู้ประกอบการจังหวัดภูเก็ต ขานรับมติ ครม. รับหลักการเปิดรับชาวต่างชาติ เชื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต ยืนยันประโยชน์ไม่ได้มีเฉพาะโรงแรมใหญ่ แต่จะกระจายไปสู่ชุมชนทางอ้อม

จากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการ แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้คนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติหลักๆ อาทิ เป็นบุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักระยะยาว (Long Stay) ภายในประเทศไทย, ยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย และตกลงยินยอมกักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน (ALSQ)

โดยต้องมีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในประเทศไทย ได้แก่ หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พัก (ASQ) ภายในประเทศไทย และหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 90 วัน เมื่อครบแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคน เข้าเมืองมีอำนาจอนุญาตให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ครั้ง ๆ ละ 90 วัน โดยคนต่างด้าวต้องยื่นคำขอตามแบบ และเสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนด โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564ต้น เบื้องต้นเปิดให้รับได้ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต บุรีรัมย์ และชลบุรี

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายสัจจพล ทองสม เจ้าของโรงแรมขนาดเล็กแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันเปรียบเหมือนคนเป็นมะเร็ง เมื่อมีคนบอกว่ามีหมอที่ไหนรักษาหาย เราจะพร้อมที่จะไปลองรักษา เช่นเดียวกับนโยบายที่ทางจังหวัดภูเก็ต หรือ ศบค. นำเสนอให้ทดลองเปิดประตูรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามา ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดี เพราะสำหรับภูเก็ตแล้วแม้บางคนจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

แต่จริงๆ แล้วคนภูเก็ตเกือบทั้งหมดจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดังนั้นเมื่อ ครม.มีมติให้ทดลองรับนักท่องเที่ยวได้ใน 4 จังหวัดซึ่งรวมภูเก็ตด้วย ถือเป็นทิศทางที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในการที่จะทดลองว่า จากไม่มีอะไรเลยด้วยกลัวโควิด แต่เศรษฐกิจของเราอยู่ในภาวะซบเซา จะได้เป็นการทดสอบความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตไปด้วยว่าเราพร้อมจริงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นายสัจจพล กล่าวว่า ในส่วนของจำนวนของผู้ที่จะได้รับอนุญาต และเป็นกลุ่มเป้าหมาย จริงๆ แล้วมีไม่มาก แต่ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมีชาวต่างชาติที่มีบ้านหรือคอนโดมีเนียมที่ยังตกค้างอยู่ในต่างประเทศค่อนข้างมาก ซึ่งถึงเวลาที่ควรให้เขาได้กลับมา และทำตามกระบวนการที่กำหนด และหลังจากนั้นเขาก็สามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งก็จะทำให้เกิดการใช้จ่ายมาก รวมถึงรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทยที่เข้ามาอีกส่วนหนึ่ง ก็จะทำให้เศรษฐกิจของเราขับเคลื่อนไปได้ในระดับหนึ่ง ส่วนกรณีที่มองว่าจะมีรายได้เฉพาะโรงแรมขนาดใหญ่ ส่วนตัวคิดว่า คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อครบ 14 วันเขาคงจะออกมาอยู่ในที่พักที่ราคาต่ำกว่า แต่สิ่งสำคัญ คือ ในส่วนของท้องถิ่นต่างๆ ที่จะต้องเตรียมความพร้อมปรับเปลี่ยนเมืองให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้ง 2 กลุ่มให้เกิดความประทับใจ รวมถึงการทำตลาดคนไทยเพิ่มเติม

ขณะที่นายสรายุทธ มัลลัม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากที่ ครม .ได้มีการอนุมัติให้เปิดรับชาวต่างชาติที่เข้ามาพักผ่อนในระยะยาว ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่ออกมานั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นไปตามที่จังหวัดภูเก็ตจะต้องเร่งดำเนินการ คือ ทำให้คนภูเก็ตรับรู้ข้อมูลรายละเอียดมาตรการที่ออกมาให้ชัดเจน

เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต บอกว่า เราจะมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนทั่วไป หลังจากที่ ครม. มีมติเห็นชอบแล้ว เพื่อยืนยันกับทั้งคนภูเก็ตเองและนักท่องเที่ยวคนไทยทั่วประเทศว่า การมาภูเก็ตแล้วปลอดภัย แม้จะมีการเปิดรับชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่กระทบผู้ที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวอื่นๆ

เนื่องจากคนที่มาจากต่างประเทศต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และยังมีมาตรการอื่นๆ มากำกับอย่างเข้มงวด ก่อนที่คนเหล่านั้นจะออกจากสถานที่กักตัว เช่นเดียวกับผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศที่มีการกักตัวที่กรุงเทพมหานคร

อย่างไรก็ตามนายสรายุทธ กล่าวว่า ขณะนี้มี 2 คำถาม คือ การเปิดรับเช่นนี้จะไม่เสี่ยงหรือ ซึ่งอยากบอกว่าทุกอย่างล้วนเป็นความเสี่ยง แม้แต่การขับรถจักรยานยนต์ไปทานข้าวในพื้นที่ที่รู้ว่าเสี่ยง แต่จำเป็นต้องไป สำคัญคือ เราจะต้องรู้จักระมัดระวัง มีการเตรียมพร้อมป้องกัน และไม่ประมาท แม้เมื่อไปถึงแล้วจะเป็นข้าวเพียงจานเล็กๆ แต่ก็ต้องกิน

กับประเด็นที่ว่า เมื่อเปิดเช่นนี้โรงแรมใหญ่จะได้ แล้วคนภูเก็ตจะได้อะไร ซึ่งอยากชี้แจงว่า ปัจจุบันโรงแรมที่สามารถเปิดรับกลุ่มที่จะเข้ามากักตัวนั้นมีเพิ่มมากขึ้นไม่เฉพาะราคาหลักแสเท่านั้นราคาหลักหมื่นก็มีแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็ค่อยๆ เป็นค่อยไป เพราะเมื่อว่าคนทั่วไปจะได้ไม่ได้รับผลโดยตรงจากนักท่องเที่ยว แต่จะได้จากทางอ้อม เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาก็จะทำให้เกิดการจ้างงาน พนักงานก็จะมีรายได้ในการจับจ่ายซื้อสินค้าต่างๆ ซึ่งก็จะเป็นวงจรของธุรกิจ และหากการค่อยๆ แง้มดังกล่าวประสบผลก็จะมีการเปิดกว้างมากขึ้นตามลำดับ