‘เมียนมา’ ล็อกดาวน์สกัดโควิด  กดดัน ‘CBG-OSP’ ช่วงสั้น

‘เมียนมา’ ล็อกดาวน์สกัดโควิด   กดดัน ‘CBG-OSP’ ช่วงสั้น

สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ใน “เมียนมา” เริ่มวิกฤติ โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทำให้รัฐบาลเมียนมาต้องประกาศ “ล็อกดาวน์” เมืองย่างกุ้งไปจนถึงวันที่ 1 ต.ค.2563 เป็นอย่างน้อย ...ดูเหมือนว่าปัจจัยเหล่านี้กำลังกดดันตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน

“เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเชียพลัส มองว่า โดยภาพรวมแล้วการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเมียนมา เป็นปัจจัยที่สร้างกังวลให้กับตลาดหุ้นไทยด้วยเขตแดนที่ติดกัน ซึ่งความกังวลที่เกิดขึ้นคือ เมื่อการแพร่ระบาดเลวร้ายมากขึ้นจนต้องประกาศล็อกดาวน์แล้ว มีโอกาสมากน้อยเพียงใดที่การแพร่ระบาดจะขยายเข้ามาสู่ประเทศไทย ซึ่งเดิมทีความกังวลเรื่องของการแพร่ระบาดระลอกสองในประเทศก็มีอยู่พอสมควรแล้ว

“ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยชะลอตัวอยู่แล้ว หากมีการระบาดระลอกสองเกิดขึ้นอีก จะยิ่งซ้ำเติมให้ภาพการลงทุนแย่ลง”

ในมุมที่แคบลงมา คือ ผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียน คงต้องพิจารณาว่าบริษัทจดทะเบียนรายใดบ้างที่มีฐานรายได้จากเมียนมา และอาจจะต้องพิจารณาในรายละเอียดว่าพื้นที่ที่ล็อกดาวน์นั้นกระทบกับรายได้เพียงใด แต่หากการแพร่ระบาดไม่ได้เข้ามาในไทย เชื่อว่าจะไม่ได้กระทบกับบริษัทจดทะเบียนไทยในวงกว้าง เพราะปัจจุบันยังไม่เห็นเม็ดเงินลงทุนของบริษัทไทยที่มากนักในเมียนมา และการล็อกดาวน์ก็ยังเป็นแค่เพียงบางพื้นที่เท่านั้น

ความกังวลที่ปกคลุมตลาดในขณะนี้จะต่อเนื่องแค่ไหน ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของสถานการณ์ต่างๆ หลังจากที่ดัชนี SET หลุด 1,300 จุด ลงมา เราประเมินแนวรับที่ 1,270 – 1,280 จุด โดยหลักการแล้วควรจะรับอยู่ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะสองปัจจัยหลักที่กดดันเข้ามาในขณะนี้ ทั้งเรื่องของโควิด-19 และการเมืองภายในประเทศ”

แม้ว่าตลาดหุ้นโดยภาพรวมดูเหมือนจะยังไม่น่าเป็นห่วงนัก ตราบที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่ลุกลามเข้ามาในประเทศไทย แต่สำหรับบางบริษัทที่มีฐานรายได้จากเมียนมา อาทิ บมจ.คาราบาว กรุ๊ป (CBG) บมจ.โอสถสภา (OSP) และบมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ดูเหมือนจะตอบรับเชิงลบกับประเด็นดังกล่าวอยู่บ้าง

โดยราคาหุ้นล่าสุดของทั้ง 3 บริษัท ต่างปรับตัวลดลงถ้วนหน้า CBG ปิดที่ 110.50 บาท ลดลง 2.64% OSP ปิดที่ 37.25 บาท ลดลง 2.61% และ GLOBAL ปิดที่ 18.50 บาท ลดลง 3.65%

“ชาลี กือเย็น” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ มองว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในเมียนมากลับมาน่าเป็นห่วงอย่างมากจากการที่รัฐบาลประกาศปิดโรงเรียนทั่วประเทศ โดยปัจจุบันเมียนมาเป็นตลาดส่งออกหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของการส่งออกของ CBG ดังนั้น เราจึงเป็นห่วงว่าการเติบโตของการส่งออกไปยังตลาดนี้จะสะดุดลง

“เรากังวลกับประเด็นการแพร่ระบาดซึ่งน่าจะส่งผลต่อยอดขายในไตรมาส 3 ส่วนจะมีน้ำหนักแค่ไหนยังประเมินได้ยาก เพราะโดยปกติแล้วบริษัทไม่ได้แจกแจงว่ารายได้จากแต่ละประเทศในกลุ่ม CLMV เป็นเท่าใด แต่สัญญาณการชะลอตัวเริ่มเห็นมาตั้งแต่ไตรมาส 2 แล้ว”

ด้าน “อดิศักดิ์ พรหมบุญ” นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี ระบุว่า ที่ผ่านมาตลาดหลักของ CBG คือกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งในระยะสั้นมองว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอยู่บ้างเนื่องจากดีมานด์ที่น่าจะลดลงในระดับหนึ่ง แต่สำหรับแนวโน้มระยะยาวเชื่อว่าการเติบโตยังน่าสนใจ ทั้งจากการเติบโตโดยรวมของ GDP ในกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงการลดต้นทุนภายในจากการขยายโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ ส่วนตัวมองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว

โดยภาพรวมแล้วการระบาดของโควิด-19 ในเมียนมาน่าจะเข้ามากดดันต่อราคาหุ้นของบางบริษัทในระยะสั้นเป็นอย่างน้อย แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นนั้นจะรุนแรงเพียงใดอาจจะขึ้นอยู่กับว่าการล็อกดาวน์จะดำเนินต่อไปยาวเพียงใด