‘ททท.’ เจาะกำลังซื้อเอ็กซ์แพท ผนึก ‘อาลีเพย์’ แจกคูปองชาวจีน

‘ททท.’ เจาะกำลังซื้อเอ็กซ์แพท  ผนึก ‘อาลีเพย์’ แจกคูปองชาวจีน

จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดซ้ำในญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยหลังวิกฤติคลี่คลาย ทำให้ ททท.ต้องปรับแผนรุกทำตลาด 3 กลุ่มเสริมฐานตลาดไทยเที่ยวไทย

กลุ่มแรกคือตลาดคนไทยเที่ยวนอกซึ่งมีกำลังซื้อสูง แต่ยังไม่สามารถตีตั๋วบินไปเมืองนอกได้ โดยเมื่อปี 2562 มียอดคนไทยเดินทางไปต่างประเทศถึง 12-13 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีตลาดการจัดประชุมสัมมนา ซึ่งคาดการณ์ว่าจะฟื้นตัวเมื่อเริ่มปีงบประมาณ 2564 ในเดือน ต.ค.2563 หลังจากหน่วยงานราชการถูกตัดงบฯปี 2563 ไปช่วยแก้วิกฤติโควิดก่อน ส่วนอีกตลาดคือชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expat)

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล่าว่า ปัจจุบันตลาดเอ็กซ์แพทในไทยมีมากกว่า 2 ล้านคนทั่วประเทศ ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อดี สามารถช่วยจับจ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19 ได้

โดย ททท.เตรียมจัดงานแฟร์ “เอ็กซ์แพท ทราเวล ดีล” ตั้งแต่วันที่ 11-12 ก.ย.นี้ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายแพ็คเกจสินค้าท่องเที่ยวจากโรงแรม บริษัทนำเที่ยว สายการบิน และสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ เจาะตลาดเอ็กซ์แพทในไทยซึ่งคาดว่ายังไม่สามารถเดินทางออกไปต่างประเทศได้ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้

ด้านตลาด “เอ็กซ์แพทชาวจีน” ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในไทยราว 1.5 แสนคน จากทั้งหมด 3 แสนคน โดยอีกครึ่งหนึ่งยังไม่สามารถเดินทางกลับเข้าไทยได้เพราะติดข้อจำกัดด้านการเดินทาง ททท.จึงได้ร่วมกับอาลีเพย์ (Alipay) แพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลชั้นนำในประเทศจีนซึ่งดำเนินงานโดยแอนท์ กรุ๊ป (Ant Group) พร้อมด้วยฟลิกกี้ (Fliggy) แพลตฟอร์มให้บริการท่องเที่ยวออนไลน์ในเครืออาลีบาบากรุ๊ป จัดแคมเปญ Local Chinese Expats Domestic Travel กระตุ้นให้ชาวจีนในไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ

ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและมีบัญชีอาลีเพย์จะได้รับข้อเสนอสุดพิเศษจากโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเมื่อจองที่พักในไทยผ่านฟลิกกี้ สำหรับการจองในแต่ละครั้ง นักท่องเที่ยวจะได้รับคูปองดิจิทัลอาลีเพย์มูลค่า 368 หยวน (ราว 1,661 บาท) สำหรับใช้กับโรงแรมและซื้อสินค้าและบริการจากห้างร้านต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ อาทิ เดอะ เพนนินซูล่า กรุงเทพฯ, บันยันทรี ภูเก็ต, คอนราด กรุงเทพฯ, Klook, เซ็นทรัลชอปปิงมอลล์, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, Fly-Food และอื่นๆ”

เชอรี่ หวง หัวหน้าฝ่ายการท่องเที่ยวทั่วโลก อาลีบาบากรุ๊ป เล่าว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากนักท่องเที่ยวจีน รวมไปถึงชาวจีนที่อาศัยอยู่ในไทย ในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลเพย์เมนต์ใหญ่ที่สุดของจีน จึงตั้งเป้าสนับสนุนไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของชาวจีนที่อาศัยในต่างประเทศผ่าน Alipay Local Life Platform และพร้อมจะนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษและประสบการณ์ที่น่าดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้แคมเปญ Local Chinese Expats Domestic Travel ถือเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างรัฐบาลไทยและอาลีบาบาซึ่งมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันเมื่อปี 2561 โดยหน่วยงานภาครัฐของไทยและหน่วยงานธุรกิจส่วนต่างๆ ของอาลีบาบาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในหลายๆ ด้าน เช่น อี-คอมเมิร์ซ ดิจิทัลโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และการฝึกอบรม

ยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ททท.ได้ขอความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาออกบัตรแสดงตน “Expat Travel Card แก่เอ็กซ์แพทในไทยโดยเร็ว สำหรับแสดงตนเพื่อเข้าใช้บริการหรือเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยจ่ายในราคาเท่ากับคนไทย ช่วยลดต้นทุนการเดินทางของเอ็กซ์แพทได้อีกทาง

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงหยุดยาวเนื่องในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์ปี 2563 ระหว่างวันที่ 4-7 ก.ย.2563 ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่อง 4 วัน คาดว่าจะมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางประมาณ 2.29 ล้านคน-ครั้ง และมีการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนมากกว่า 8,800 ล้านบาท มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 29%

แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงวันหยุดนี้ ส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เมืองหลัก ได้แก่ กาญจนบุรี กรุงเทพฯ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา ระยอง และเพชรบุรี ขณะที่พื้นที่เมืองรองที่มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาอย่างนครศรีธรรมราช ยังคงได้รับความนิยมในช่วงวันหยุดอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้พบว่าได้รับความนิยมค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) อยู่ในช่วงฤดูมรสุม คลื่นลมแรง และฝนตก สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการทำกิจกรรมทางทะเล