ดัน"สารสกัดกัญชา"เข้าบัญชียาฯ เปิดทางบัตรทองรักษาฟรี

ดัน"สารสกัดกัญชา"เข้าบัญชียาฯ เปิดทางบัตรทองรักษาฟรี

"อนุทิน"ประกาศดัน"สารสกัดกัญชา"เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติโดยเร็ว เปิดทางสิทธิบัตรทองรักษาฟรีผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ เกิดการให้บริการวงกว้าง แตกตัวเป็นหลากหลายผลิตภัณฑ์

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่อิมแพคฟอรัม เมืองทองธานี สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถปลูก แปรรูปกัญชง เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ” โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.)กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “กัญชงพืชเศรษฐกิจใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยื่น” ว่า กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กำลังหารือกับสำนักงานหลักปะกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)และคณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติที่จะกำหนดให้สารสกัดจากกัญชาเข้าอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ครอบคลุมผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองก็จะได้รับการรักษาด้วยสารสกัดกัญชาหากมีความจำเป็นต้องใช้ จึงขอให้เชื่อมั่นว่าจะมีการผลักดันให้สารสกัดจากกัญชาอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติได้โดยเร็วที่สุดเพื่อเป็นทางเลือกในการรักษามากขึ้น


"ขณะนี้รพ.หลักสังกัดสธ.มีคลินิกกัญชาทางการแพทย์ รักษาคนไข้ที่จำเป็นต้องใช้โดยการสั่งจ่ายของแพทย์ที่ผ่านการอบรมกาาใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ รวมถึง มีคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยด้วย โดยหากผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ก็ควักงบประมาณของสธ.มาใช้ในการให้บริการ เพราะสารสกัดกัญชายังไม่อยู่ในบัญชียาหลักฯจึงไม่สามารถเบิกจากสิทธิบัตรทองได้ ซึ่งที่ดีสุดคือการบรรจุสารสกัดกัญชาให้อยู่ในบัญชียาหลักแก่งชาติ ซึ่งจะทำให้เกิดการให้บริการวงกว้าง และแตกตัวเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ยา ยาสมุนไพร เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง"นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า พรบ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...)พ.ศ.... ซึ่งผ่านมติครม.และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานกฤษฎีกา ก่อนเขาสู่รัฐสภา หากมีผลบังคับใช้จะเป็นโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆมาสร้างรายได้ ซึ่งจะเกิดรายได้ทั้งตนน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องมีการควบคุมอย่างเคร่งครัดเช่น มีระบบแทร็กกิ้งติดตาม เพื่อให้กัญชาทุกต้นในประเทศไทยอยู่ในระบบการควบคุม ห้ามหลุดจากวงจรธุริจออกไปเป็นสิ่งเสพติดโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้การเปลี่ยนมุมมองจากกัญชาเป็นสารเสพติดผลักดันให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เกิดไม่ได้อีก

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการส่งเสริมกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารยา มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ยกเว้นสารสกัดจากกัญชงและบางส่วนของพืชกัญชง โดยไม่ต้องถูกควบคุมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เพื่อให้นำไปใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ ยา สมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอาง มีการจัดทำกฎกระทรวง เรื่อง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง (Hemp) เพื่อใช้ประโยชน์ ในระดับครัวเรือนและอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร  และให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกนำรายได้เข้าสู่ประเทศ สำหรับการประชุมครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเน้นการสร้างความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการ ภาคเกษตรกรรมอุตสาหกรรม สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎระเบียบหลักเกณฑ์ฉบับใหม่ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ เพื่อส่งเสริมการปลูกและการแปรรูปกัญชงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมกัญชงจากงานวิจัยสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเกษตรกร(ต้นน้ำ) ผู้ประกอบธุรกิจ (กลางน้ำและปลายน้ำ) ได้แลกเปลี่ยนแนวคิด มุมมองเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการตลาดให้เป็นที่ต้องการในตลาดโลก

    ตนมีนโยบายให้ทุกกรม ส่งเสริมและสนับสนุนการนำกัญชาและกัญชงไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนที่ผ่านมาได้เปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อการแพทย์ เนื่องจากมีสาร THC เด่น ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและทำให้เสพติด จึงต้องมีการกำกับดูแลอย่างเข้มข้น มีระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านยาเสพติด ส่วนกัญชงนั้นสนับสนุนให้ใช้ในทางอุตสาหกรรม เนื่องจากมีสาร THC ในปริมาณน้อย แทบไม่มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท มีสาร CBD เด่น มีประโยชน์ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมสุขภาพ และเกือบทุกส่วนของกัญชงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งประเทศไทยมีภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการปลูกกัญชง ถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะสร้างรายได้และ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น