เช็ค 72 เสียง กมธ.งบ 64 ดันซื้อเรือดำน้ำ รอดหรือร่วง?

เช็ค 72 เสียง กมธ.งบ 64 ดันซื้อเรือดำน้ำ รอดหรือร่วง?

ปมร้อนจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” ของกองทัพเรือ (ทร.) มูลค่า 2.2 หมื่นล้าน จากเดิมที่บอกว่ามีไว้เพื่อ “เสริมเขี้ยวเล็บ” ป้องกันภัยคุกคามทางน่านน้ำไทย เวลานี้กลับกลายเป็นมรสุมลูกใหญ่ที่ถาโถมใส่รัฐบาลประยุทธ์ จนทำให้ “รัฐนาวา” ลำนี้สั่นคลอนอีกครั้ง

ข้อถกเถียงกันในเรื่องนี้หนีไม้พ้น ความจำเป็น” เกี่ยวกับการจัดซื้อ บวกกับข้อครหาเกี่ยวกับการลงนามแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจีที่ลงนามโดยพล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.ในสมัยเสธ.ทร. ที่แม้ว่า รัฐบาลและทร.จะยืนยันว่า มีการมอบอำนาจจากนายกฯโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการแสดงเอกสารตามที่ระบุ

ยิ่งไปกว่านั้น “รัฐบาลและ พรรคการเมือง ในขั้วรัฐบาล เวลานี้กำลังเผชิญแรงกระเพื่อม จากปัญหาความไม่เป็นเอกภาพ โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนในซีกรัฐบาล ทั้งกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงจุดยืนเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน มิเช่นนั้น 7กมธ.ของกมธ.แบ่งเป็น6กมธ.ในสัดส่วนพรรคและ1 ในสัดส่วนรัฐมนตรีอาจตัดสินใจ โหวตคว่ำ” 

เกมนอกพรรคว่าเดือดแล้ว แต่กลเกมการเมืองภายในค่ายประชาธิปัตย์”  เดือด!ยิ่งกว่า เพราะมีการ เปิดเกมลองของ”  ซึ่งดูเหมือนว่า จะยิ่งตอกย้ำสภาวะผู้นำของหัวหน้าอู๊ดด้า จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่อยู่ในสภาวะที่คุมไม่อยู่!

โดย “กลุ่มส.ส.และกมธ.งบที่ไม่เอาเรือดำน้ำ ซึ่งมีบัญญัติ บรรทัดฐานกรรมการที่ปรึกษาเป็นแบ็ค ถึงขั้นลุกขึ้นเปิดเกมเสนอกลางที่ประชุมพรรคเสนอให้กมธ.งบชะลอเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน นำมาสู่มติพรรคที่ออกมา ชนิดที่ไร้เงา หัวหน้าจุรินทร์เลขาต่อ”  เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เลขาธิการพรรค ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่จับมือกับกลุ่มวิปรัฐบาล เปิดดีลสนับสนุนเรือดำน้ำกับรัฐบาลไว้แล้ว

คล้อยหลังมา1วัน “หัวหน้าอู๊ดด้า” จึงต้องออกมาแก้เกี้ยวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ถึงขั้นโหวตคว่ำเรือดำน้ำ เพราะตอนนี้ยังอยู่ในการพิจารณาของกมธ. เชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก 

จากปัจจัยทั้งหมดทั้งมวลตามที่กล่าวมา นาทีนี้คงต้องจึงไปลุ้นกันที่ “72 เสียง ในกมธ.งบประมาณ ที่เวลานี้ดูเหมือนจะจบไม่ลงจากเดิมที่จะต้องชี้ขาดในวันที่1ก.ย.นี้ว่ากมธ.งบจะ “เอา-ไม่เอา” เรือดำน้ำ กลับกลายเป็นเกมยื้อเวลาด้วยเหตุผลที่ว่ารอคำชี้แจงเพิ่มเติมจากทร.

จริงอยู่ที่แม้ รัฐบาล จะมีเสียงกมธ.อยู่ในมือ 48 เสียง คือ คณะรัฐมนตรี 17 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 14เสียง  ภูมิใจไทย 7 เสียง ประชาธิปัตย์ 6 เสียง รวมพลังประชาชาติไทย 1 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 1เสียง พรรคพลังท้องถิ่นไท 1เสียง และเศรษฐกิจใหม่ 1เสียง 

ขณะที่ ฝ่ายค้าน มีเสียงอยู่ในมือ 24 เสียง  แบ่งเป็น เพื่อไทย 15 เสียง ก้าวไกล 6 เสียง เสรีรวมไทย 1 เสียง เสียง ประชาชาติ 1 เสียง และ เพื่อชาติ 1 คน

ทว่า ในจำนวน48เสียงของรัฐบาล นอกเหนือจาก “6+1” เสียง(ปชป.6+ครม.1)ในซีกปชป.แล้ว  ยังมีกมธ.ในซีกรัฐบาลจำนวนไม่น้อยที่ ไม่เอาเรือดำน้ำ

วงใน” กมธ.งบ กระซิบมาว่าขอให้จับตาดูมติกมธ.ให้ดี เพราะน่าจะมีส.ส.ในซีกรัฐบาล ซึ่งในจำนวนนี้อาจมีกมธ.ในสัดส่วนพลังประชารัฐ อย่างน้อย2คน ที่อาจเลือกงดออกเสียง หรือ ไม่ลงคะแนน

ดังนั้นเมื่อนับรวมกับ 24เสียงจากพรรคฝ่ายค้าน บวก7เสียงปชป. อีก2เสียงพปชร.ที่งดออกเสียงหรือไม่ลงคะแนน เท่ากับว่า เสียงที่ให้ชะลอเรือดำน้ำจะอยู่ที่ 33 เสียงเป็นอย่างน้อย  ขณะที่เสียงสนับสนุนจะถูกหั่นเหลืออยู่ที่ 39 เสียง เสียงชี้ขาดจะอยู่ที่ส.ส.จากพรรครัฐบาลที่ยังคงสงวนท่าทีว่าจะลงมติเรื่องนี้อย่างไร

เดิมทีกมธ.จะต้องได้ข้อสรุปและมีมติในเรื่องดังกล่าวในวันที่1ก.ย. แต่ทำไปทำมา กมธ.กลับยื้อเวลาออกไป เหมือนว่ารอสัญญาณอะไรบางอย่าง

เป็นไปได้ว่า “ฝั่งผู้มีอำนาจ เองอาจกำลังชั่งน้ำหนัก และวัดกระแสขณะนี้ ระหว่างการยืนยันที่จะดันเรือดำน้ำฝ่าคลื่นลม ไปต่อ หรือ ชะลอไว้แค่นี้

เห็นได้ชัดจากท่าทีของ บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล่าสุดออกมาพูดเรื่องนี้ว่า “ถ้าซื้อไม่ได้จะต้องเจรจากับจีนอย่างไรตรงนี้ต้องคุยกัน

นาทีนี้แม้ฝั่งรัฐบาล จะการันตีว่า การพิจารณางบประมาณ64 จะเสร็จสิ้นตามกรอบ105วัน หรือภายใน28ก.ย.นี้อย่างแน่นอน  แต่การยื้อเวลลาไปเรื่อยๆเช่นนี้ย่อมหนีไม่พ้นเสียงครหาในเรื่องการ เตะถ่วง หรือ ประวิงเวลา

เพราะต้องไม่ลืมว่า ตามกฎหมายขีดเส้นไว้อย่างชัดเจนว่า หากกมธ.พิจารณาไม่แล้วเสร็จจะส่งผลร่างที่แปรญัตติ ปรับ-ลด เป็นอันต้องตกไป และต้องกลับไปใช้ร่างเดิมของรัฐบาล เท่ากับว่า ไทยจะต้อง “ซื้อเรือดำน้ำไปโดยปริยาย

หากท้ายที่สุดผลออกมาเช่นนี้รัฐบาลก็จะกลายเป็น หมู่บ้านกระสุนตกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!!