ฝนตกหนัก ‘น้ำท่วมรถ’ ‘ประกันรถยนต์’ คุ้มครองไหม

ฝนตกหนัก ‘น้ำท่วมรถ’  ‘ประกันรถยนต์’ คุ้มครองไหม

ข้อข้องใจว่าด้วยการทำประกันรถยนต์ตอนหน้าฝน

ช่วงปลายเดือนสิงหาคมใกล้เข้ากันยายนเช่นนี้ เรียกได้ว่าฝนตกแทบทุกวัน ยิ่งเมื่อเร็วๆนี้พายุฮีโกส จากฟิลิปปินส์เดินทางเข้ามาถึงประเทศลาวทำให้เกิดฝนตกหนักในบางพื้นที่ และทั้งหมดนั่นยิ่งทำให้การใช้ชีวิตในช่วงหน้าฝนต้องวางแผนมากยิ่งขึ้น เพราะไม่มีใครอยากตัวเฉอะแฉะกับสายฝนที่ตกหนักๆ มาแบบนี้แน่

เช่นเดียวกับการใช้รถ ที่ถนนเปียกลื่นนำมาซึ่งความสุ่มเสี่ยงของอุบัติเหตุ แต่ถึงเช่นนั้นการเกิดอุบัติเหตุยังพอเข้าใจได้ หากแต่คำถามคือ ถ้าฝนตกหนักๆ จน “น้ำท่วมรถ” เราจะทำอย่างไร และ “ประกันรถยนต์” ที่เราซื้อไว้จะคุ้มครองหรือไม่  

ท่วมแบบไหนจ่าย-ไม่จ่าย

แน่นอนว่า ประกันรถยนต์ที่จะดูแลรถยนต์ยามฝนตกหนัก “น้ำท่วมรถ” คือ ประกันชั้น 1 ซึ่งเป็นประกันภัยชั้นที่มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด มีเบี้ยประกันสูงที่สุด หรือบางบริษัทประกันชั้น 2 + ซึ่งมีเงื่อนไขที่ระบุถึงเหตุน้ำท่วมก็ช่วยชดใช้ค่าเสียหายได้

แต่ถึงเช่นนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าประกันชั้นที่ว่าจะให้ความคุ้มครองกรณีรถเสียหายจากการเกิดน้ำท่วมทุกกรณี

การให้ความคุ้มครองของประกันนั้น จะมีเงื่อนไขว่า ต้องเป็นเหตุ “น้ำท่วมรถ” ที่ไม่ใช่เกิดจากความประมาทของเราเอง ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ขับขี่ต้องไม่ตั้งใจที่จะนำรถไปในที่ที่เสี่ยงภัย  เช่น การเกิดน้ำท่วมรถที่มาจากความประมาทของเจ้าของรถยนต์เอง หรือประมาณว่าคุณมองเห็นอยู่แล้วว่าถนนข้างหน้านั้นมีน้ำท่วมขังอย่างหนัก มีการติดป้ายแจ้งเตือน แต่คุณก็ยังเลือกที่จะขับรถฝ่าเข้าไป นั้นแหละที่หมายความว่าน้ำได้ท่วมรถที่เกิดจากความประมาทของคุณด้วยเหมือนกัน

ในสถานการณ์ที่ควรจะเป็น คือเป็นการขับรถท่ามกลางฝนตกหนัก แล้วน้ำก็ค่อยๆเอ่อล้นจนท่วมถนนทำให้ “น้ำท่วมรถ” ได้รับความเสียหาย หรือถ้าจอดอยู่เฉยๆ ค้างคืนแล้วรุ่งขึ้นน้ำกลับท่วมจนได้รับความเสียหาย แน่นอนว่าเข้าข่ายของการเคลมประกัน เช่นนี้บริษัทก็จะชดเชยค่าซ่อมแซมจากน้ำท่วมรถให้หายห่วง

ความคุ้มครองน้ำท่วม

สำหรับความคุ้มครองประกันรถยนต์จากความเสียหายของน้ำท่วมมีสองแบบ คือ

  1. การสูญเสียโดยสิ้นเชิง โดยการสูญเสียโดยสิ้นเชิงคือกรณีที่น้ำท่วมมิดคัน หรือ ท่วมเกินช่วงคอนโซลหน้า ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับทั้งห้องโดยสาร บริษัทประกันประเมินว่า ไม่คุ้มที่จะซ่อมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ประกันรถยนต์จะยินดีที่จะจ่ายเงินในอัตรา 70-80% ของทุนประกันรถหรือมูลค่ารถ (ขึ้นอยู่กับรายละเอียดกรมธรรมภ์) เพื่อเป็นการขอซื้อซากรถ
  2. เสียหายบางส่วน คือสามารถซ่อมกลับมาใช้ได้ ประกันภัยก็จะตีเป็นลักษณะความเสียหายบางส่วน บริษัทประกันจะรับผิดชอบซ่อมแซมรถให้กลับมาใช้งานได้ปกติ โดยที่ประกันรถยนต์นั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100%

วิธีการเคลมประกัน

ถึงตรงนี้เมื่อคุณทำ “ประกันรถยนต์” แล้วพบกับเหตุน้ำท่วมซึ่งทำให้รถยนต์เสียหายก็อย่าเพิ่งตกใจ เราควรต้องตั้งสติไว้และ อาจเริ่มจาก

  1. ถ่ายรูปรถในขณะถูกน้ำท่วม ซึ่งควรถ่ายให้เห็นทะเบียนรถ เพื่อเป็นหลักฐานว่ารถคันที่เอาประกันไว้
  2. โทรหาบริษัทประกันฯ เพื่อตรวจสอบดูว่ากรมธรรม์ของเราเป็นประเภทไหน แล้วรอพนักงานเคลมประกันประสานงานเรื่องรถยก รถลาก
  3. นัดหมายการตรวจสภาพความเสียหายของรถยนต์กับเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย เพื่อเตรียมซ่อม (บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่ารถยกลาก ซึ่งส่วนมากจะไม่เกิน 20% ของค่าซ่อม)
  4. รอรับบริการซ่อมแซมจากอู่กลางที่สะดวกในการเดินทางทั้งเราและเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย

ขั้นตอนทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คุณอุ่นใจและใช้สิทธิการทำประกันรถยนต์ซึ่งครอบคลุมเหตุจากน้ำท่วมได้

สนใจทำประกันรถยนต์ คลิก