ต้าน 'รัฐประหาร-รัฐบาลแห่งชาติ'

ต้าน 'รัฐประหาร-รัฐบาลแห่งชาติ'

“2ม็อบ” จัดชุมนุม “กลุ่มปลดแอก” ย้ำ2จุดยืนต้านรัฐประหาร-รัฐบาลแห่งชาติ พร้อมจี้ 3ข้อเรียกร้อง “แก้รัฐธรรมนูญ-หยุดคุกคาม-ยุบสภา” ด้าน“อานนท์-ภาณุพงศ์-พริษฐ์” ฝ่าเงื่อนไขประกันตัวร่วมม็อบ

“ปิยบุตร” ยันจุดยืนหวังดีต่อประเทศ จี้รัฐจริงใจหาทางออก ขณะที่นายกฯขอบคุณเจ้าหน้าที่ กำชับเลี่ยงปะทะ-ห้ามใช้ความรุนแรง

บรรยากาศการชุมนุมของ 2 กลุ่มการเมืองวานนี้(16 ส.ค.) เริ่มที่กลุ่มศูนย์กลางประสานงานนักศึกษาอาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ (ศอปส.)จัดชุมนุมเฝ้าสังเกตการณ์การจัดชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ก่อนการชุมนุมใหญ่ช่วงเย็นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

โดยนายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนูหนึ่งในแกนนำ ศอปส. ชี้แจงถึงการมาชุมนุมในวันเดียวกันกับกลุ่มประชาชนปลดแอกว่า เพราะเห็นท่าทีของกลุ่มโน้น ว่าได้การประกันตัว และคิดว่าอาจจะมีการจาบจ้วงสถาบันอีก จึงนำมวลชนมา และได้แจ้งมวลชนว่า จะอยู่เฉพาะจุดไม่เคลื่อนไปไหน ไม่มีการปะทะ เพราะจะอยู่แบบสันติอหิงสา จะทักท้วงเรื่องโจมตีสถาบันอย่างเดียว โดยหากพบจะนำมวลชนไปเก็บข้อมูลหลักฐาน และนำส่งให้ตำรวจดำเนินคดี

นายสุเมธ ระบุว่า ไม่กังวลใจว่าจะเกิดการปะทะ เพราะไม่เคลื่อนมวลชน ถ้ามีการลงถนนนั่นคือการทำผิดกฎหมาย และถ้ามีคนลงไปปะทะ ไม่ใช่พวกตนเอง อาจจะเป็นมือที่สามที่ต้องการให้เกิดการยั่วยุ ยืนยันว่าคนไทยด้วยกันไม่ฆ่ากันเองเด็ดขาด

จากนั้นเวลา15.40 น.ทางกลุ่มศูนย์กลางประสานงานนักศึกษาอาชีวะประชาชนปกป้องสถาบัน (ศอปส.) และเครือข่าย ได้ประกาศยุติการชุมนุมแล้วพร้อมขอผู้ที่มาชุมนุมเดินทางแยกย้ายกลับบ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.สำราญราษฎร์ คอยอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุมช่วงเดินทางกลับบ้าน อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการเผชิญหน้า และลดการถูกยั่วยุ

บรรยากาศการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 14.30 น.ก่อนนัดหมายในเวลา 15.00 น. ของกลุ่มประชาชนปลดแอกขณะที่นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือฟอร์ดแกนนำกลุ่มได้ย้ำ 3 ข้อเรียกร้องคือ รัฐบาลต้องหยุดคุกคามประชาชน ที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพตามหลักประชาธิปไตย รัฐบาลต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากเจตจำนงของประชาชน เพื่อประโยชน์แก่สาธารณชนอย่างแท้จริง และรัฐบาลต้องยุบสภา เพื่อเป็นการเปิดทางให้ประชาชนสามารถแสดงเจตจำนงในการเลือกผู้แทนได้

พร้อมทั้งย้ำจุดยืน 2 ประเด็น คือต้องไม่มีการทำรัฐประหาร และต้องไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

“อานนท์-ภาณุพงศ์-พริษฐ์”ร่วมม็อบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชุมนุมดังกล่าวมีแกนนำประกอบด้วยนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ซึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา116 ฐานยุยงปลุกปั่น และศาลเพิ่งปล่อยตัวออกมาเข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้ด้วย

ส่วนกลุ่มเลือกข้างประชาธิปไตยที่มารอร่วมชุมนุมกับกลุ่มประชาชนปลดแอก ได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์รำลึกถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในปี 2553 ด้วย

ขณะเดียวกันยังมีกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย, นายการุณ โหวสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และสมาชิกพรรค อาทิ นายสุรชาติ เทียนทอง, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ฐานะคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนิสิต นักศึกษา ลงพื้นที่สังเกตการชุมนุมของกลุ่มคณะปลดแอก

สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยมีการจัดเจ้าหน้าที่จำนวน 4 กองร้อย หรือ 600 ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงพื้นที่มาตรวจดูความเรียบร้อย และร่วมงศูนย์ปฏิบัติการดูแลความปลอดภัยการชุมนุมภายในโรงเรียนสตรีวิทยาด้วยตนเอง

“ปิยบุตร” จี้รัฐจริงใจแสวงหาทางออก

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าบรรยายพิเศษ กล่าวว่าการเรียกร้องของกลุ่มนิสิต นักศึกษา เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมายอมรับว่ามีคนไม่เห็นด้วยและติดใจต่อการแสดงออก รวมถึงท่าทางบนเวที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถย้อนไปแก้ไขได้ ดังนั้นต้องหาวิธีบริหารจัดการโดยตนมีข้อเสนอคือ 1.แก้ไขรัฐธรรมนูญ อาทิ มาตรา 279 ว่าด้วยการรับรองความชอบของคณะรัฐประหาร, กลุ่มมาตราว่าด้วยที่มาของส.ว.จากการสรรหาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) , มาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ดำเนินการ จากนั้นให้เลือกตั้งใหม่ เพื่อให้บ้านเมืองกลับไปสู่ระบบปกติ ตัดการสืบทอดอำนาจ มีกติกาที่ได้รับฉันทามติ

2.เมื่อสังคมแสดงความเห็นต่อสถาบันควรมีการแสวงหาทางออก รวมถึงธำรงไว้ซึ่งสถาบันนั้น ส่วนที่มีการระบุว่าตนเป็นคนชังชาติ ไล่ตนไปต่างประเทศ หากตนไม่รักชาติ บ้านเมืองคงไม่มาอยู่จุดนี้ หากคิดถึงตัวเองเป็นหลักไม่ต้องมาทำหน้าที่ ด้วยความรักชาติบ้านเมืองต้องแสดงออก และรับหน้าที่สื่อสารแบบตรงไปตรงมาทั้งนี้ควรแสวงหาทางออกร่วมกัน

เตือน10ข้อเรียกร้องเสี่ยงรัฐประหาร

ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าสถานการณ์ที่มีความเปราะบางซึ่งความจริงก็มีความแข็งแกร่งหากใช้กลยุทธ์ที่ถูกวิธี ตนเชื่อว่าคณะจัดงานวันนี้จะได้ซึมซับประวัติศาสตร์เหตุการณ์ต่างๆมากมาย หากมีการยืนยันตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เรื่องการเลิกคุกคาม ร่างรัฐธรรมนูญใหม่และยุบสภา รวมถึง 2 จุดยืนตามที่ว่าไม่เอารัฐประหาร และรัฐบาลแห่งชาติ ตนเชื่อว่ากลุ่มที่ออกมาต่อต้านคณะเยาวชนปลดแอก หรือประชาชนปลดแอกก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ส่วน 10 ข้อเรียกร้องที่มีการประกาศก่อนหน้านี้หนีไม่พ้นได้เผด็จการคือการได้รัฐประหาร และตนเชื่อว่าวันนี้ บรรดาคณะผู้จัดงานจะได้ประเมินภูมิรัฐศาสตร์ว่าอะไรคือชัยชนะ อะไรคือประชาธิปไตย อะไรคือเผด็จการ เพราะกระบวนการทั้งสองฝ่าย ที่เข้าไปร่วม โดยส่วนใหญ่เป็นภาคประชาชน

“ไอติม” หนุนม็อบ-จี้รัฐแก้รธน.

ขณะที่นายพริษฐ์​ วัชรสินธุ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างร่วมการชุมนุมว่าตนสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยประเด็นสำคัญ คือ การแก้ไขวุฒิสภาในรัฐธรรมนูญ เพราะมองว่าวุฒิสภา คือต้นตอไม่เป็นประชาธิปไตย มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยส่วนตัวสนับสนุนให้มีสภาเดียว โดยไม่ต้องมีวุฒิสภา เนื่องจากสถานการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเมื่อแก้ไขให้มีสภาเดียว จะทำให้การออกกฎหมายคล่องตัวมากขึ้น ด้วยการผ่านสภาเดียว นอกจากนั้นแล้วบทบาทตรวจสอบถ่วงดุลที่เคยเป็นของส.ว. นั้น ปัจจุบันพบว่าบทบาทของประชาชนทำได้ดีกว่า

“เมื่อประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย สามารถชี้แนะเบาะแสการทุจริตและตรวจสอบได้ ดังนั้นหากกลไกของประชาชน ที่มีกฎหมายต่อการคุ้มครองประชาชนที่เปิดโปงการทุจริตของภาครัฐ จะทำให้การตรวจสอบภาคประชาชนมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าสภาเดียวเป็นทางออก” นายพริษฐ์ กล่าว

สำหรับอุณหภูมิทางการเมืองขณะนี้ หากรัฐบาลจริงใจต่อการปฏิรูปควรสนับสนุนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ตนสนับสนุน ให้กลุ่มนิสิต นักศึกษาใช้เวทีของกรรมาธิการในสภาฯ เพื่อเป็นพื้นที่พูดคุยและแลกเปลี่ยนความเห็น

นายกฯย้ำห้ามใช้ความรุนแรงเด็ดขาด

ส่วนท่าทีจากนายกรัฐมนตรี น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุลรองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ดูความสงบเรียบร้อยร้อยในการจัดการชุมนุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยให้กำลังใจ และขอให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ ห้ามใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมเด็ดขาด โดยให้เข้าใจว่าความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติของการเมือง จึงต้องเปิดโอกาสให้เยาวชน คนหนุ่มสาวได้แสดงออกอย่างเต็มที่ แต่ต้องไม่เกินเลยกรอบของกฎหมาย และไม่กระทบต่อสิทธิของผู้อื่น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังแสดงความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่ รวมถึงผู้ชุมนุม จึงขอให้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ความรุนแรง ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับบทบาทของคนรุ่นใหม่ จึงมีนโยบายให้ส่งเสริมกระบวนการสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน ลดช่องว่างทางความคิดระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ เสริมสร้างความรักและความสามัคคีในการที่จะช่วยกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไปข้างหน้าด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน