'จตุพร' ย้ำการต่อสู้ 'คณะประชาชนปลดแอก' ยึด 3 ข้อเรียกร้อง

'จตุพร' ย้ำการต่อสู้ 'คณะประชาชนปลดแอก' ยึด 3 ข้อเรียกร้อง

"จตุพร" ย้ำการต่อสู้ของคณะประชาชนปลดแอกยึด 3 ข้อเรียกร้อง 2 จุดยืนจะทรงพลานุภาพ หวั่นหากทะลุเพดานอาจจะ แอน แอ๊น ภายในรุ่งสาง 

เมื่อวันที่ 16 ส.ค.63 ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี มีการจัดรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ ยังคงจัดในรูปแบบสตูดิโอและงดกิจกรรมร้องรำทำเพลง มีเพียงการสื่อสารของประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ไปยังพี่น้องมวลชนเป็นปกติทุกสัปดาห์

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า หัวข้อที่สนทนาในวันนี้คือ 16 สิงหาคมวันแห่งอนาคต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนพยายามพูดถึงประเด็นต่างๆ เพื่อให้กระบวนการคนหนุ่มสาวได้ถึงเส้นชัยอย่างยิ่งใหญ่และสง่างาม การติดตามบริบททางการเมืองในครั้งนี้ ระยะเวลาทุกอย่างร่นลงเหมือนการสอบเทียบทางการเมือง กลุ่มเยาวชนปลดแอก ต่อมาตั้งเป็นประชาชนปลดแอก ได้ประกาศนัดหมายกันในวันนี้และขออนุญาตชุมนุมถูกต้องตามกฎหมาย

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มอาชีวะนักศึกษาประชาชนปกป้องสถาบันจากเดิมมีการนัดหมายชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่กลับเปลี่ยนจุดนัดมานัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน ซึ่งจากปรากฏการณ์ช่วงสายวันนี้ คณะประชาชนปลดแอกอยู่ฝั่งแมคโดนัลและคณะอาชีวะประชาชนปกป้องสถาบันอยู่ซีกร้านอาหารศรแดงเมธาวลัย ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และตั้งแต่ตอนสายจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มี เหตุการกระทบกระทั่ง

นายจตุพรย้ำว่า ปรากฏการณ์อันนี้ที่ตนพยายามอธิบายประวัติศาสตร์มากมายก่อนหน้านี้นั้น เพราะตน เป็นประธานนปช. นปช.แปลว่าแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติมีอุดมการณ์เป็นของตัวเองอย่างชัดเจนและที่ตนต้องยืนหยัดเรื่องคำว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขนั้น เพราะเป็นอุดมการณ์หลัก 1 ใน 6 ข้อของนปช. ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งบัดนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น

สถานการณ์ที่มีความเปราะบางซึ่งความจริงก็มีความแข็งแกร่งหากใช้กลยุทธ์ที่ถูกวิธี ตนเชื่อว่าคณะจัดงานวันนี้จะได้ซึมซับประวัติศาสตร์เหตุการณ์ต่างๆมากมาย หากมีการยืนยันตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เรื่องการเลิกคุกคาม ร่างรัฐธรรมนูญใหม่และยุบสภา รวมถึง 2 จุดยืนตามที่ว่าไม่เอารัฐประหาร รัฐบาลแห่งชาติ ตนเชื่อว่าคณะเยาวชนปลดแอก หรือประชาชนปลดแอกในวันนี้ได้ประกาศยืนยันทั้ง 3 ข้อ และ 2 จุดยืน กลุ่มที่ออกมาต่อต้านก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้จะหายใจรดต้นคอกันก็ตาม เพราะในกระบวนการต่อสู้ เป้าหมายหลัก อุดมการณ์หลัก ข้อเรียกร้องหลัก จะต้องดำรงความมุ่งหมาย อย่างที่ตนประกาศชัดมาหลายครั้งว่าตลอดระยะเวลาหลาย 10 ปี เราไม่เคยเห็นกระบวนการคนหนุ่มสาวได้ลุกขึ้นมาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่เมื่อเขาลุกขึ้นมาและข้อเรียกร้องมีความชอบธรรมจึงได้รับการขานรับจากประชาชนทุกฝ่ายแม้กระทั่งซีกการเมืองรัฐบาลหรือฝ่ายค้านและภาคประชาชน

159757149973

ดังนั้น วันนี้หากดำรงความมุ่งหมาย 3 ข้อ 2 จุดยืน ปลายทางคือได้ประชาธิปไตย แต่นอกเหนือจากนี้ 10 ข้อที่ว่านั้นหนีไม่พ้นได้เผด็จการคือการได้รัฐประหาร และตนเชื่อว่าวันนี้ บรรดาคณะผู้จัดงานจะได้ประเมินภูมิรัฐศาสตร์ว่าอะไรคือชัยชนะ อะไรคือประชาธิปไตย อะไรคือเผด็จการ เพราะกระบวนการทั้งสองฝ่าย ที่เข้าไปร่วม โดยส่วนใหญ่เป็นภาคประชาชน รวมถึงพี่น้องผองเพื่อนก็ไปร่วมจำนวนมากนี่คือข้อเท็จจริงที่เห็นว่าอุดมการณ์ประชาธิปไตยไม่เคยเปลี่ยนแปลง ดังนั้นในกระบวนการต่อสู้วันนี้หากมีการบริหารจัดการเวทีที่ดี ชี้ให้สังคมไทยได้เห็นว่า ประเทศไทยที่กำลังประสบกับความหายนะทางเศรษฐกิจสังคมการเมืองนั้นจะต้องได้รับการแก้ไข

และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายคนได้ประชดแดกดันใส่ตน ตนขอถามจริงๆว่าไม่รู้จักตนหรือว่า ในกระบวนการต่อสู้แบบนี้เรามีจุดยืนกันอย่างไร ตนสนับสนุนแนวทาง 3 หัวข้อเรียกร้องและ 2 จุดยืนเพราะเป็นความชอบธรรมที่ไม่มีใครปฏิเสธกันได้ แต่ทันทีที่เสนอแนวทางทะลุเพดานกันนั้นหาหนทางชนะไม่เจอ  และที่สำคัญที่สุดนั้นในกระบวนการการต่อสู้ก็ อธิบายไว้ชัดเจนในประวัติศาสตร์ว่า หากทะลุเพดานขึ้นมาก็จะมีคนจัดการให้เช่นเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 19 มีการแต่งภาพการแสดงละครล้อเลียน  ดังนั้นตนเชื่อว่าวันนี้หากถือธงนำ 3 ข้อ 2 จุดยืนที่ว่ากลุ่มที่มาต่อต้านทั้งหลายจะกลายเป็นเหมือนกฎหมายปิดปาก แต่หากยังเดินกันไปแบบนี้ตนเชื่อว่าจะ แอน แอ๊น ภายในรุ่งสาง

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า วันที่ 17 สิงหาคมนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และอธิบายชัดว่าเว้นหมวด 1 และ 2 เพราะสมาชิกพรรคฝ่ายค้านพรรคใหญ่ถูกดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นส่วนใหญ่และเป็นมติของพรรคร่วม หมายความว่าพรรคฝ้ายค้านทุกพรรคเห็นตรงกันและตนก็หวังว่าในซีกของพรรครัฐบาลต้องยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่คณะรัฐมนตรี ตัวรัฐบาลเองมาตรา 256 เพื่อให้เกิดสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ ส.ส.ร. และให้กระบวนการประชาธิปไตยได้เกิดขึ้น หากเราเดินกันไปถึง 

ตนพยายามบอกอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ ก่อนการยึดอำนาจปี 57 ขบวนการนปช.ไปจัดงานที่ไหน คำขวัญหนึ่งที่ตนบอกว่าต้านการรัฐประหาร ไปติดทั่วทุกหนแห่ง และท้ายที่สุดก็หนีไม่พ้น วันนี้ก็เช่นเดียวกัน หลายคนประชดแดกดัน แต่ตนบอกว่าตนรู้ว่าอะไรคือปลายทางในแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งจะไปเป็นกองเชียรก็ไม่ใช่นิสัยเพราะรู้ว่าหากตัดสินใจอย่างไรเราต้องร่วมรับผิดชอบทั้งหมด

"วันนี้ก็เช่นเดียวกันหากกระบวนการคนหนุ่มสาวยืนยันตาม 3 ข้อ 2 จุดยืนที่ว่า พลังจะมีพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่และแต่ละฝ่ายก็วิตกกับตนทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็ไม่พอใจว่าทำไมต้นไปขีดเส้นใต้มีฝ่ายหนึ่งก็ไม่ไว้วางใจว่าตนจะเข้าไปร่วม ทุกคนต่างผ่านประวัติศาสตร์ว่า 2 เหตุการณ์นี้ตกใส่หัวตนไม่ว่าจะเป็นพฤษภาคม 35 หรือ เมษา- พฤษภาคม 53" นายจตุพร กล่าว