ชง 'ผบ.ตร.' รื้อ 2 ข้อหาคดีบอส พฐ.กลับลำยันขับเร็ว 177 กม.

ชง 'ผบ.ตร.' รื้อ 2 ข้อหาคดีบอส พฐ.กลับลำยันขับเร็ว 177 กม.

ตำรวจเปิดผลสอบ “คดีบอส” เผยเค้น “พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น” ทีมพิสูจน์ความเร็วรถ กลับลำยันขับ 177 กม./ชม. ตามสำนวนแรก ส่วนแพทย์ยืนยัน “เสพโคเคน” จ่อชงข้อสรุปผบ.ตร. 11 ส.ค.นี้

ด้าน “จักรทิพย์” ลั่นฟันไม่เลี้ยง ตำรวจบกพร่องทำสำนวนคดี “วิชา” จ่อพบจันทร์นี้ ขณะที่ “ศิษฐวัชร” ยันรับเรื่องร้องเรียนตามขั้นตอน

ความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 ล่าสุดมีความชัดเจนมาจาก ประธานคณะกรรมการตรวจสอบคดีที่ตั้งโดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

โดยพล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการ เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จะสรุปผลการตรวจสอบเสนอต่อพล.ต.อ.จักรทิพย์ เพื่อพิจารณาสั่งการ รวมทั้งกำหนดวันแถลงข่าวชี้แจงต่อประชาชนตามกรอบระยะเวลา ทั้งนี้ในการประชุมของคณะกรรมการชุดย่อยได้เรียก พล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พล.ต.ท.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทีมงานกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าให้ข้อมูลในประเด็นเกี่ยวกับความเร็ว เพื่อสอบถามวิธีการตรวจวัดความเร็วของรถยนต์ ถึงความน่าเชื่อถือ 2 สำนัก ระหว่างนายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ สถาบันฯพระจอมเกล้านครเหนือ

โดยคณะกรรมการสอบสวน อาจทำความเห็นเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้หาหน่วยงานกลางมาตรวจพิสูจน์เพิ่ม หากประเด็นความเร็วรถของ นายวรยุทธ์ ยังไม่เป็นที่ยุติ

ส่วนการเข้าพบพนักงานสอบสวนของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เมื่อวันที่6 ส.ค.ซึ่งถูกสอบสวนต่อเนื่อง 2 วัน

ปรากฏว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ ได้กลับข้อมูลใหม่ ระบุว่า ความเร็วรถนายวรยุทธ ขณะเกิดเหตุ 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง เหมือนกับในสำนวนครั้งแรก ส่วนที่มาให้การภายหลังเมื่อปี 2559 ระบุ ความเร็วลดลงเหลือ 79.23 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งอ้างกับคณะกรรมการสอบสวนว่า สับสนในการคำนวณข้อมูล

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า จากการสอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้รับการยืนยันตรงกันว่า สารโคเคนที่พบในเลือดของ นายวรยุทธ เกิดจากการเสพโคเคนและแอลกอฮอล์ คณะกรรมการจึงเตรียมเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาตั้งข้อหาเสพโคเคนเพิ่มเป็นข้อหาใหม่

ผบ.ตร.ลั่นฟันไม่เลี้ยงตำรวจบกพร่อง

ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าคณะกรรมการตรวจสอบที่มี พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน จะทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคม กรณีไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดของอัยการในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555

“หากการสอบสวนพบมีผู้บกพร่อง ไม่ว่าระดับใด ก็ต้องดำเนินการ เนื่องจากภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสียหายจากเรื่องนี้มาก ส่วนกรณี พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ที่เป็นคนใช้ดุลพินิจไม่แย้งความเห็นอัยการ ส่วนตัวได้พบกันแล้ว แต่ไม่ได้พูดคุยในประเด็นนี้” ผบ.ตร. กล่าว

ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีอัยการแถลงให้ตำรวจแจ้งข้อหาเสพโคเคน และทำสำนวนใหม่ในประเด็นความเร็วรถของนายวรยุทธนั้น ต้องขอดูรายละเอียดสำนวนที่อัยการส่งมาก่อน ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้

“วิชา”จ่อถกผบ.ตร.จันทร์นี้

เช่นเดียวกับนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำลังทำหน้าที่กันอยู่ โดยในวันที่9ส.ค.จะเรียกสอบชุดอัยการในคดีดังกล่าว ส่วน10ส.ค.จะเข้าพบกับ ผบ.ตร.เพื่อให้ชี้แจงรายละเอียดของคดีทั้งหมด ยืนยันว่าตนมารับหน้าที่ตรงนี้ไม่ได้หนักใจอะไร เมื่อนายกรัฐมนตรีมอบหมายมาให้ทำเต็มที่ แม้ว่าเสียงสะท้อนจากสังคมต่างๆ จะรู้สึกสิ้นหวังกับกระบวนการยุติธรรมว่าพึ่งได้จริงไหม คุกมีไว้ขังคนจนเท่านั้นไหม เราก็ต้องทำความจริงออกมาให้มันชัดเจน

อย่างไรก็ดีทางคณะกรรมจะต้องรายงานตรงถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรงทุก 10 วัน ซึ่งทุกวันนี้มีข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาจนล้น ทางคณะทำงานต้องมากลั่นกรองไม่ให้เกิดข้อมูลซ้ำซ้อนและต้องเป็นข้อมูลจริงที่ใช้ได้ต่อไป

“ศิษฐวัชร” ย้ำกมธ.สนช.ยึดกม.

ขณะที่พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ส.ว. ฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีการทวงถามถึงเอกสารบันทึกการประชุมกมธ.ฯ ซึ่งพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมจากทนายนายวรยุทธว่าตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารสามารถร้องขอผ่านหน่วยงานของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เบื้องต้นตนทราบว่ามีหลายหน่วยงานร้องขอมา รวมถึงคณะทำงานของนายวิชาด้วย ส่วนในการส่งเอกสารตามขั้นตอนของทางราชการนั้น ตนไม่สามารถตอบได้ว่า อยู่ในขั้นตอนใด

สำหรับการทำหน้าที่ของกมธ.ฯ ที่หลายฝ่ายตั้งประเด็นว่าทำเพื่อช่วยและเป็นประโยชน์ต่อนายวรยุทธพล.ร.อ.ศิษฐวัช กล่าวยืนยันว่า ตอนรับเรื่องร้องทุกข์ กมธ.ฯ ทำหน้าที่ตามกรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจหน้าที่ ยืนยันไม่เคยทำงานเพื่อช่วยเหลือบุคคลให้รอดจากคดีความ และขณะนั้น แม้จะเป็น สนช. ต้องทำงานภายใต้กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทำงานภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ และในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ซึ่งตนยืนยันว่ากรณีที่เกิดขึ้นนั้นกมธ.ฯ ไม่เคยช่วยคดีบุคคลใด.

วันเดียวกันน.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว.กทม. พร้อมด้วย น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อดีตส.ว.สมุทรสงคราม ยื่นหนังสือติดตามเอกสารรายการบันทึกการประชุมผลการศึกษาและหนังสือนำส่งอัยการ ของกมธ.กำหมายสนช.ชุดที่มี พล.ร.อ.ศิษฐวัชร เป็นประธานผ่านว่าที่ร.ต.อาพันธ์ สุขะนันท์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

โดยน.ส.รสนา กล่าวว่าเหตุผลที่ต้องยื่นหนังสือทวงถาม เพราะต้องการหาหลักฐานต่อการร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหา ซึ่งอาจเกี่ยวกับการทำงานของกมธ.การกฎหมายฯ​ ของสนช. ได้ และสงสัยว่ามีเอกสารอื่นหรือไม่ ที่ทำให้นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ถึงกลับมติไม่ส่งฟ้องคดีนายวรยุทธ ทั้งนี้ขอให้นายพรเพชร วิชัยชลชัย ประธานวุฒิสภา และพล.ร.อ.ศิษฐวัชร เผยแพร่ข้อมูล และชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อลดความคลางแคลงใจของสาธารณชน

2อนุกมธ.สภาตั้งป้อมสอบ2ปม

ส่วนนายธีรัจชัย พันธุมาศส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานอนุกมธ.คณะที่ 2 ในกมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนาย คริส โปตระนันทน์ และนายธีรเศรษฐ พัฒน์สราพงศ์ อนุกรรมาธิการ ร่วมกันแถลงผลการประชุมอนุกรรมาธิการเกี่ยวกับกรณีคดีนายวรยุทธ อนุกมธ.คณะ 2 เราจะตรวจสอบเพื่อหาผู้กระทำความผิดต้องรับผิดชอบ ว่าอยู่ที่ต้นน้ำ คือตำรวจ หรือกลางน้ำ โดยตั้งประเด็นสอบไว้ว่าการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธของนายเนตร 1. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 2.การทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนช่วยเหลือหรือแก้ไขอะไรหรือไม่ และจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับดคีดังกล่าวมาชี้ในการประชุมครั้งต่อไป

ด้านนายคริส กล่าวว่า ขอลงลึกในส่วนของความเห็นแย้งทางอัยการ โดยนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)ที่มีความยืนยันว่าคดีนี้อดีตอัยการสูงสุดร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภารเคยสั่งให้ยุติไม่รับเรื่องแล้ว ดังนั้นไม่ทราบว่านายเนตร ที่สั่งคดีไม่ฟ้อง ได้รับความมอบหมายจากอัยการสูงสุดหรือไม่ หรือกระทำการส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คนสนิทส.ว.ก๊องดอดพบตำรวจ

ส่วนการตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานในคดีนายวรยุทธภายหลัง พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือของนายจารุชาติ ที่หายไป โดยพบว่าผู้ที่นำไปจากญาติ คือ นายพศิน อัคเดชธนโชติ หรือล้าน ลูกน้องคนสนิทของนายชูชัย เลิศพงษ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง อดีตส.ว.เชียงใหม่ และประธานสโมสรฟุตบอลเชียงใหม่ ยูไนเต็ด

ล่าสุดนายพศิน ได้เข้าพบพล.ต.ต.พิเชษฐ​ จิระ​นันต​สิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ที่กองบังคับ​การ​ตำร​วจ​ภูธร​จังหวัด​เชียงใหม่​ อ.เมือง​ จ.เชียงใหม่​ เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับ​กรณีการนำ​โทรศัพท์​มือถือ​ของนายจารุชาติ ไปทุบทำลาย โดยหลังการพูดคุยใช้เวลา 15 นาที

ก่อนที่พล.ต.ต.พิเชษฐจะเปิดเผยว่า​ ในวันนี้​ที่นายพศินมาพบ เพราะว่ามาแสดงความบริสุทธิ์​ใจ เกี่ยวกับ​โทรศัพท์​มือถือ​ของนายจารุชาติ​ หลังจากญาติของนายจารุ​ชาติ​ ได้ไปแจ้งความ ในข้อหายักยอก​ทรัพย์​ ซึ่งได้มอบหมายให้ผกก.สภ.ภู​พิงคราชนิเวศน์ ไปดำเนินการต่อในชั้นพนักงานสอบสวน​ ส่วนกรณีความเกี่ยวข้องต่างๆ จะเป็นทางทีมสืบสวน​ตำร​วจ​ภูธร​ภาค ​5​ จะเป็นผู้รับผิดชอบ​ในการสอบสวนต่อไป

ว่า ประเด็น​ที่นำโทรศัพท์​มือถือไป คือ ไปลบรูป เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อการลงสมัครเลือกตั้ง​ท้องถิ่น​ หลังจากนั้นได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชน​ว่าเป็นชายชุดดำที่นำโทรศัพท์​ไป จึงตกใจและทุบทำลายโทรศัพท์​ทิ้ง ข้อมูลสำคัญ​อื่นๆไม่รู้​ว่ามีอะไรบ้าง ยืนยันว่าลบแต่รูปเท่านั้น และบริสุทธิ์​ใจและไม่ได้หนีหายไปไหน.