'สวัสดิ์' ชี้ 'โควิด-19' หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งหลายเท่า

'สวัสดิ์' ชี้ 'โควิด-19' หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งหลายเท่า

"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง" เชื่อ "โควิด-19" ครั้งนี้หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งหลายเท่า ย้ำฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออก แนะคนไทยต้องเริ่มต้นทำงาน หยุดคิดแต่จะกู้ยืม

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 63 นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง อดีตเจ้าของบริษัท นครไทยสตริปมิลล์ (NSM) และบริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีล ผู้เป็นเจ้าของตำนาน “ 3 ไม่ ... ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาว่า หากนำไปเปรียบเทียบกับช่วงสถานการณ์ต้มยำกุ้งของประเทศไทย ที่วันนั้นมีการปลดคนงานน้อยมาก เพราะยังเขื่อว่าสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ แต่วันนี้จะเห็นชัดว่าไวรัสโควิด-19 นำความย่อยยับมาสู่ทั่วโลก เศรษฐกิจของทุกประเทศพังพินาศ ธนาคารทุกแห่งต้องประกาศลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่เก็บดอกเบี้ย เวลานี้ เจ้าหนี้คือลูกไก่ในกำมือของลูกหนี้

นายสวัสดิ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าทั่วทั้งโลกต้องรอให้มีวัคซีนที่จะหยุดยั้งไวรัสนี้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด แต่การดำเนินการล็อคดาวน์ประเทศที่รัฐบาลทำมาตลอดก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะสถานการณ์เช่นนี้ทรัพยากรบุคลลย่อมสำคัญที่ หากไม่เช่นนั้นประเทศไทยคงมีประชากรเสียชีวิตอีกเป็นจำนวนมาก

“ผมเคยมีหนี้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ เคยผ่านวิกฤตเลวร้ายมากก่อน จึงสามารถบอกได้ว่า การฆ่าตัวตายไม่ได้ช่วยอะไรเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความฝันและความหวัง คนไทยวันนี้ต้องเปลี่ยนแปลงความคิดและแนวทางการใช้ชีวิต หันกลับมาทำงาน หยุดการกู้หนี้ ยืมสิน เพราะถ้าจะมัวคิดถึงแต่เงินที่จะได้มาง่ายๆ โดยไม่ทำอะไรเลย ผมเชื่อว่ามันไม่มีในโลกนี้” นายสวัสดิ์ กล่าว