'2 ทนายอยู่วิทยา' สู่จุดพลิกคดี 'บอส'

'2 ทนายอยู่วิทยา' สู่จุดพลิกคดี 'บอส'

“สมัคร เชาวภานันท์ - ธนิต บัวเขียว” ทีมผู้ช่วย “บอสรอดทุกคดี”

หลาย “เงื่อนปม" ผุดขึ้นมาไม่หยุด หลังจากรองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ทายาทธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ในคดีขับรถยนต์หรูชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 และรอการ “คลี่คลาย” จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงกรรมการกลางของรัฐบาล

2 ปมหลัก ถูกอ้าง “ 2 ประจักษ์พยาน" ในที่เกิดเหตุ รายหนึ่งเป็นประชาชนคนธรรมดาอยู่ในสำนวนคดีตั้งแต่ต้น และอีกรายเป็นนายทหารยศ “พลอากาศโท” ปรากฏตัวหลังคดีผ่านมาแล้ว 7 ปี โดยทั้งคู่อ้างว่าเห็น “บอส อยู่วิทยา” ขับเฟอรารี ช้าแค่ 50-60 กม./ชม. จนกลายเป็นจุดพลิกผัน ให้“บอส”รอดคดีไปอย่างน่ากังขา เพราะมีชุดข้อมูลจากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในขณะนั้น ระบุ “177 กม./ชม.

ทว่า นอกเหนือจาก 2 ตัวละครใหม่ ที่ปรากฎตัวหลังเกิดเหตุ 7 ปี แล้วยังมี “2 คีย์แมน” คนสำคัญ ซึ่งเป็น "ทนายความของครอบครัวอยู่วิทยา” ที่อยู่เบื้องหลัง และเป็นตัวช่วย ทำให้ข้อกล่าวหา “บอส” พลิกผัน

จากการค้นหาข้อมูล โปรไฟล์ทนายทั้ง 2 รายนี้ พบถึงความเชื่อมโยงกับ “คนดัง” หลายคน

ทนายคนแรกคือ “สมัคร เชาวภานันท์” ปัจจุบันอายุ 71 ปี โปรไฟล์ เป็นอดีต ส.ว.สายสรรหา ชุด 51-57 เป็นประธานชมรมนิติศาสตร์ มธ.2512 สมัยที่ 39 กระทั่งปัจจุบัน เพื่อนนิติศาสตร์ มธ.ร่วมรุ่น มีทั้ง ดิเรก อิงคนินันท์ อดีตประธานศาลฎีกา ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีตอัยการสูงสุด รองประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มี พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน (น้องชาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และยังเป็นอาจารยสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา

“สมัคร” ยังเคยเป็น 1 ใน 7 แคนดิเดต ที่สภาสูงเสนอชิง "รองประธานวุฒิสภา" คนที่ 1 แต่ครั้งนั้น “สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย” ได้ตำแหน่งนี้ไป

ในแวดวงคอนเนกชัน เขายังอยู่ในรุ่น 4212 ของ วปรอ. การป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน

รุ่นที่ และจบหลักสูตรนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 6 การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็น “หลักสูตรคอนเนคชั่น” แหล่งรวมของคนดังทุกวงการ

ขณะที่สายงานที่เกี่ยวโยงในธุรกิจตระกูลอยู่วิทยา “สมัคร” นั่งที่ปรึกษากฎหมายให้กับ บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด และเป็นทั้งที่ปรึกษากฎหมาย และกรรมการ บริษัท บูรพากอล์ฟ จำกัด (มหาชน) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท สยามไวเนอรี่ เทรดดิ้งพลัส จำกัด และ บริษัท สยามไวเนอรี่ จำกัด อีกธุรกิจของตระกูลอยู่วิทยา และยังเป็นประธานที่ปรึกษา บริษัท AIA จำกัด (ประเทศไทย)

ส่วนทนายอีกราย “ธนิต บัวเขียว” มีตำแหน่งผู้ ผอ.ฝ่ายกฎหายและบริหารความเสี่ยง บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากอดีต กมธ.กฎหมาย สนช.ว่า เขาคือผู้ที่ไปยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อ กมธ.ในคดีของบอส

ย้อนกลับไปอีก ยังพบว่า “ธนิต” เคยเป็นตัวแทนยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในชื่อของบริษัท สยามไวเนอรี่ จำกัด 9/2 หมู่3 ต.บางโทรัด อ.เมือง สมุทรสาคร ซึ่งขอใช้เป็น น้ำแร่ใช้เป็นเครื่องดื่ม เครื่องดื่มผสมเกลือแร่ น้ำโซดา น้ำดื่ม น้ำผลไม้ รวมทั้งเป็นตัวแทน “เฉลิม อยู่วิทยา” หนึ่งใน 20 มหาเศรษฐี เพื่อเสนอแผนทุ่มงบประมาณ 300 ล้านบาท ช่วยเหลือประชาชนภายใต้โครงการ “พึ่งตน เพื่อชาติ” ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี

ทั้งคู่ จึงถือเป็นทนายคนสำคัญของ “ตระกูลอยู่วิทยา” เห็นได้จากการทำงาน “แพคคู่” ปรากฏตัวบนหน้าสื่อ ในฐานะคณะทนายความส่วนตัวของ “เฉลิม อยู่วิทยา” ประธานกลุ่ม บริษัท สยามไวเนอรี่ แถลงตอบโต้กรณีที่มีเว็บไซต์เกี่ยวกับการลงทุน ระบุว่าเฉลิมคือนักธุรกิจไทยที่สนใจและร่วมลงทุนในธุรกิจบิทคอยน์

โดยเฉพาะในส่วนของ “สมัคร” เขาคือทนายความที่พา “บอส อยู่วิทยา” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่สน.ทองหล่อ ในเดือน ก.ย. ปี 2555 ในขณะที่เขายังเป็น ส.ว.อยู่ และเขายังให้สัมภาษณ์สื่อด้วยวลีว่า “บอสเสียใจมาก”

เช่นเดียวกับ “ธนิต” ที่ได้รับมอบหมายจากครอบครัวอยู่วิทยา เข้าพบพนักงานอัยการแทนบอสและครอบครัว และเป็นตัวละครตัวใหม่ที่ กมธ.กฎหมายฯ สนช. อ้างถึงว่า เป็นผู้ไปยื่นร้องขอความเป็นธรรมในคดีของบอส ไม่ใช่ “สมัคร” ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลก่อนหน้านี้

แม้ กมธ.กฎหมาย สนช.จะออกตัวว่า “สมัคร” ไม่ใช่ที่ปรึกษา กมธ.กฎหมายฯ สนช.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้เชื่อมโยง “พี่น้องวงษ์สุวรรณ” แต่ก็ยอมรับว่าเขาเคยอยู่ กมธ.การยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา ชุดเดียวกับ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร อีกทั้งเป็นยังเป็น ส.ว.ชุด 51-57 เช่นเดียวกัน

ส่วน “สมัคร” จะมอบหมายให้ “ธนิต” มาทำหน้าที่ “มือร้อง” แทนจนกลายเป็นจุดพลิกผันที่เกิดขึ้นหรือไม่ อดีต กมธ.กฎหมาย ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้แต่อย่างใด!