ติดโควิดทุบสถิติใหม่ สหรัฐ 4 ล้าน-ยุโรป 3 ล้าน

ติดโควิดทุบสถิติใหม่ สหรัฐ 4 ล้าน-ยุโรป 3 ล้าน

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทะลุหมุดหมายใหม่ สหรัฐติดเชื้อ 4 ล้านคน ยุโรป 3 ล้านคน การติดเชื้อรอบใหม่พุ่งตั้งแต่เบลเยียมไปจนถึงโตเกียวและเมลเบิร์น จนต้องออกข้อบังคับมาควบคุมประชาชนอีกระลอก

ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ระบุว่าสหรัฐ ประเทศที่โควิดระบาดหนักสุด มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มมาอีก 1 ล้านคนในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ เฉพาะในรอบ 24 ชั่วโมง เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 7.6 หมื่นคน

จำนวนผู้เสียชีวิตก็สูงที่สุดกว่า 1.44 แสนคน ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะในรัฐทางใต้และตะวันตก เช่น เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย แอละแบมา ไอดาโฮ และฟลอริดา ทั้งหมดมีผู้เสียชีวิตวันเดียวทุบสถิติ

กระนั้นอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ขณะนี้กำลังส่งสัญญาณดีขึ้นในหลายเขตที่โควิดระบาดหนักสุด

ท่ามกลางสถานการณ์คนตกงานจำนวนมหาศาล และคะแนนนิยมตกต่ำ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าเขายกเลิกงานประชุมพรรครีพับลิกันในเดือนหน้าที่รัฐฟลอริดา เพื่อเสนอชื่อตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่เวลาสำหรับจัดงานใหญ่ที่มีผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ทวีปยุโรปที่มีผู้ติดโควิดจำนวน 1 ใน 5 ของผู้ติดเชื้อทั้งโลกกว่า 15 ล้านคน ยังคงเป็นทวีปที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 203,633 คน จาก 627,307 คนทั่วโลก

สัปดาห์นี้ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด มูลค่า 7.5 แสนล้านยูโร

ชาร์ลส มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป เผยว่า มาตรการกระตุ้นโดยรวมจะค่อยๆ เพิ่มจนถึง 1.8 ล้านล้านยูโร

“ผมเชื่อมั่นว่าช่วงเวลานี้ คือจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ยุโรป เราทำเร็วและทำอย่างเร่งด่วน การตอบสนองของยุโรปยิ่งใหญ่กว่าสหรัฐหรือจีน” มิเชลแถลงต่อสภายุโรปในกรุงบรัสเซลส์

บริษัทไอเอชเอส มาร์กิต เผยวานนี้ (24 ก.ค.) ว่ากิจกรรมธุรกิจใน 19 ชาติยูโรโซน เพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ. ก่อนปิดเมืองสกัดโควิด

ดัชนีผู้จัดการแผนกจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ของยูโรโซน กลับมาเป็นบวกในเดือน ก.ค.ที่ 54.8 เทียบกับ 48.5 เมื่อเดือน มิ.ย. ทั้งยังเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีเศษ

ทั้งนี้ พีเอ็มไอยูโรโซนเคยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในเดือน เม.ย.เหลือเพียง 13.6 ซึ่งตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 คือการหดตัว จากนั้นปรับตัวมาอยู่ที่ 31.9 ในเดือน พ.ค.และ 48.5 ในเดือน มิ.ย.

“ข้อมูลนี้เป็นสัญญาณเพิ่มเติมว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแข็งแกร่งหลังจากร่วงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในไตรมาส 2” คริส วิลเลียมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของไอเอชเอสมาร์กิต กล่าวเสริม

ไอเอชเอส มาร์กิต ให้เหตุผลว่าการผ่อนคลายล็อกดาวน์ทั่วทวีปเปิดทางให้บริษัทกลับไปทำงาน ผู้บริโภคกลับไปซื้อสินค้า การว่างงานจึงบรรเทาลง

แต่วิลเลียมสันเตือนว่าแม้เบื้องต้นเศรษฐกิจฟื้นตัวเป็นรูปตัว V ธุรกิจหลายแห่งทำงานคั่งค้างเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ และอาจมีปัญหารออยู่ข้างหน้าอีก

“ที่น่ากังวลคือ การฟื้นตัวนี้อาจจะร่วงลงหลังจากคืนชีพขึ้นมาในตอนแรก บริษัทยังเดินหน้าลดคนงานต่อเนื่องถึงระดับที่น่าห่วง หลายบริษัทกังวลว่าความต้องการที่จำเป็นไม่เพียงพอต่อการรักษาระดับผลผลิตที่ดีขึ้นล่าสุดได้”

โควิดระบาดหนักในยุโรป แม้หน่วยงานสาธารณสุขคุมได้แล้ว แต่เริ่มกังวลกันมากเรื่องผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มในบางภูมิภาค ตั้งแต่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดช่วงล็อกดาวน์

ด้านสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า คนยากจนที่สุดของโลกก็ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) ทำกองทุนมูลค่า 1.99 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน มอบรายได้พื้นฐานชั่วคราวให้กับประชาชน 2,700 ล้านคน ได้ซื้ออาหารและเสียค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและการศึกษา

อาคิม สไตเนอร์ ผู้บริหารยูเอ็นดีพี เตือนว่าแผนช่วยเหลือและฟื้นฟูไม่ควรเน้นเฉพาะตลาดใหญ่และธุรกิจใหญ่เท่านั้น

ยูเอ็นคาดการณ์ว่าไวรัสจะคร่าชีวิตประชาชน 1.67 ล้านคนใน 30 ประเทศรายได้ต่ำ

เจแกน แชพอเกน ผู้อำนวยการกาชาดสากล เตือนด้วยว่า ผลกระทบทางอ้อมก็ใหญ่หลวงมากเช่นกัน “หลายคนกำลังสูญเสียวิถีชีวิต เมื่อเริ่มเปิดพรมแดน จะถูกบังคับให้ย้าย ไม่ต้องแปลกใจเลยถ้าจะมีผลกระทบมหาศาลต่อการย้ายถิ่นภายในไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีนี้”

ที่ออสเตรเลีย เบลเยียม ฮ่องกง และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ต่างประสบความสำเร็จในการสกัดการแพร่ระบาด แต่ตอนนี้การติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกจนต้องออกข้อจำกัดกันใหม่

ที่นครเมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับสองของออสเตรเลีย กำหนดให้ทุกคนที่ออกไปข้างนอกต้องสวมหน้ากาก เช่นเดียวกับเบลเยียมที่กำหนดให้ต้องสวมหน้ากากเมื่อออกไปตลาดกลางแจ้งและพื้นที่ผู้คนหนาแน่น เริ่มตั้งแต่วันนี้ (25 ก.ค.)

นายกรัฐมนตรีโซฟี วิลเมส ของเบลเยียมย้ำว่า มาตรการนี้ไม่ใช่คำแนะนำ “แต่เป็นคำสั่ง"